xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ ไม่พบคู่ค้ารายใหญ่ ‘ปั่นค่าเงิน’ ในปี 2024 แต่ ‘ไอร์แลนด์-สวิตเซอร์แลนด์’ ติดบัญชีเฝ้าระวัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สหรัฐฯ ไม่พบประเทศคู่ค้ารายใหญ่ๆ มีพฤติกรรมปั่นค่าเงินในปี 2024 ตามรายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีแรกของรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (5 มิ.ย.) ทว่ารายชื่อประเทศที่ถูกเฝ้าระวัง (monitoring list) ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 9 ประเทศ โดยมีไอร์แลนด์และสวิตเซอร์แลนด์รวมอยู่ด้วย

แม้รายงานด้วยประเทศที่มีการบิดเบือนค่าเงินจะไม่ได้มีการกล่าวหา “จีน” ว่าเป็นชาติที่ปั่นค่าเงิน และระบุเพียงว่ามี “แรงกดดันที่ทำให้เงินหยวนอ่อนค่า” แต่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็ออกคำเตือนอย่างจริงจังไปยังจีน โดยระบุว่าจีน “เป็นชาติที่โดดเด่นในกลุ่มคู่ค้ารายใหญ่ที่ยังขาดความโปร่งใสในด้านนโยบายและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน”

“พฤติกรรมเช่นนี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะประกาศให้จีนเป็นชาติที่ปั่นค่าเงิน หากพบหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการแทรกแซงผ่านกระบวนการที่เป็นทางการหรือไม่เป็นทางการก็ตามเพื่อต่อต้านการแข็งค่าของเงินหยวนในอนาคต” กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง

ประเทศที่อยู่ในบัญชีถูกจับตามองของสหรัฐฯ ในรอบนี้ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ เวียดนาม เยอรมนี ไอร์แลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์

ประเทศต่างๆ ที่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์อย่างน้อย 2 จากทั้งหมด 3 ข้อ ซึ่งได้แก่ มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ อย่างน้อย 15,000 ล้านดอลลาร์, มียอดบัญชีเดินสะพัดเกินดุลกับประเทศต่างๆ มากกว่า 3% ของจีดีพี และมีการกว้านซื้อเงินตราต่างประเทศสุทธิเกิน 2% ของจีดีพีเป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปี จะถูกเพิ่มชื่อลงในบัญชีเฝ้าระวังโดยอัตโนมัติ โดยในส่วนของไอร์แลนด์และสวิตเซอร์แลนด์นั้นถูกเพิ่มชื่อเข้ามาเนื่องจากมีมูลค่าการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลกับสหรัฐฯ อย่างมาก

ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยแรก ทรัมป์ ได้ตราหน้าจีนเป็นชาติที่ปั่นค่าเงินในเดือน ส.ค. ปี 2019 ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ กำลังร้อยระอุไม่ต่างจากในเวลานี้

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ถอดรายชื่อจีนออกจากการเป็นชาติปั่นค่าเงินในเดือน ม.ค. ปี 2020 หลังจากที่จีนส่งเจ้าหน้าที่ไปเยือนวอชิงตันและมีการลงนามข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ

รายงานฉบับล่าสุดนี้ถูกเผยแพร่เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่ ทรัมป์ ได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนเป็นครั้งแรกตั้งแต่กลับเข้าทำเนียบขาวในเดือน ม.ค. ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่าง 2 มหาอำนาจทั้งในด้านการค้าและการส่งออกแร่หายาก

ที่มา: รอยเตอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น