ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน พูดคุยทางโทรศัพท์ที่รอคอยกันมาช้านานในวันพฤหัสบดี(5มิ.ย.) โดยที่ทั้ง 2 ฝ่าย เห็นพ้องเจรจากันเพิ่มเติม เพื่อป้องกันสงครามการค้าเต็มรูปแบบอันเนื่องจากศึกรีดภาษีและอุปทานแร่แร์เอิร์ธของโลก
ทรัมป์ เปิดเผยว่าการพูดคุยทางโทรศัพท์ในครั้งนี้ไปถึง "บทสรุปที่เป็นบวกมากๆ" และพวกเขาเห็นพ้องจะพบปะกันเป็นการส่วนตัว อย่างไรก็ตามทางปักกิ่งเผยแพร่ถ้อยแถลงที่ระมัดมากกว่า บอกว่า สี ได้พูดถึงความจำเป็นที่ต้องทำให้เส้นทางความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ชาติ กลับสู่ทิศทางที่ถูกต้อง
การพูดคุยทางโทรศัพท์ครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะนับตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าสู่อำนาจในเดือนมกราคม มีขึ้นหลังจากปักกิ่งและวอชิงตันกล่าวหาอีกฝ่ายว่ากัดเซาะข้อตกลงสงครามการค้า ที่เห็นพ้องต้องกันเมื่อเดือนที่แล้ว ในเจนีวา
ทรัมป์ บอกว่าคณะตัวแทนทางการค้าระดับสูงของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงรัฐมนตรีคลัง, รัฐมนตรีพาณิชย์และผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะพบปะกับพวกเจ้าหน้าที่จีนเร็วๆนี้ "การพูดคุยใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมงครึ่ง และผลลัพธ์ได้ข้อสรุปที่เป็นบวกมากๆสำหรับทั้ง 2 ประเทศ" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล
ผู้นำสหรัฐฯ เขียนต่อว่า "ประธานาธิบดีสี ได้เชิญผมและสุภาพสตรีหมายเลข 1 อย่างให้เกียรติสำหรับเดินทางเยือนจีน และผมยื่นคำเชิญกลับไป ในฐานะประธานาธิบดีของ 2 ชาติที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นบางอย่างที่เราทั้ง 2 กำลังตั้งตาคอย" ทรัมป์ระบุ พร้อมบอกว่าพวกเขาจะแถลงวันเวลาและสถานที่ในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ระบุว่าเขาและสี ไม่ได้พูดคุยกันในประเด็นการรุกรานยูเครนของรัสเซีย แม้สหรัฐฯแสดงความหวังมาช้านานว่าปักกิ่งอาจใช้อิทธิพลกดดันมอสโกให้ยุติสงคราม "การสนทนาแทบทั้งหมด มุ่งเน้นไปที่การค้า" ผู้นำอเมริการะบุ พร้อมบอกว่าพวกเขาหวังว่าจะแค่คลายประเด็นพิพาทเกี่ยวกับแร่แร์เอิร์ธที่มีความสำคัญยิ่ง ที่ใช้ในการผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีต่างๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างปักกิ่งและวอชิงตัน 2 ชาติมหาอำนาจคู่อริ เต็มไปด้วยความยากลำบากมาตั้งแต่เดือนเมษายน ครั้งที่ ทรัมป์ เปิดตัวมาตรการรีดภาษีอย่างครอบคลุมทั้งโลก โดยเล็งเป้าเล่นงานจีนหนักหน่วงที่สุด
ณ จุดหนึ่งวอชิงตันเล่นงานปักกิ่งด้วยการปรับเพิ่มเพดานภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 145% ในขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายทำศึกตอบโต้กันไปมาแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ส่วนจีนเอาคืนด้วยการเพิ่มเพดานสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ แตะระดับ 125%
ที่ผ่านมา จนกระทั่งวันพุธ(4มิ.ย.) ทรัมป์ ให้คำจำกัดความ สี ว่าเป็นคนที่ "เจรจาต่อรองด้วยยากมากๆ"
สื่อมวลชนแห่งรัฐจีนระบุว่าการพูดคุยทางโทรศัพท์ในวันพฤหัสบดี(5มิ.ย.) เป็นไปตามคำร้องขอของทรัมป์ แต่ทางทำเนียบขาวยังไม่ออกมายืนยันคำกล่าวอ้างนี้
ในถ้อยแถลงที่มีท่าทีระมัดระวังมากกว่า ปักกิ่งบอกว่าจำเป็นต้องทำงานมากกว่านี้ในการสายสัมพันธ์ระหว่าง 2 ฝ่าย "การทำให้ความสัมพันธ์ของเรือใหญ่อย่างจีนและสหรัฐฯกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง เราจำเป็นต้องคุมหาเสือให้ดีและกำหนดคำสั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำบัญชากำจัดการแทรกแซงทุกรูปแบบ หรือกระทั่งการทำลายล้างกัน ซึ่งมีความสำคัญยิ่ง" สี บอกกับ ทรัมป์ ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว
ซินหัว รายงานเพิ่มเติมว่าผู้นำทั้ง 2 ยังได้หารือเกี่ยวกับเกาะปกครองตนเองไต้หวัน ซึ่ง จีน กล่าวอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนและขู่ใช้กำลังยึดครอง
สี เตือน ทรัมป์ ว่าวอชิงตันควรจัดการประเด็นนี้ "ด้วยความระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกแบ่งแยกดินแดนไต้หวัน ลากจีนและสหรัฐฯเข้าสู่ความขัดแย้งที่เป็นอันตราย" ซินหัวระบุ อย่างไรก็ตาม สี บอกกับ ทรัมป์ ว่าเขาจะเป็นที่ต้อนรับหากเดินทางไปเยือนจีนอีกรอบ หลังจากเคยเดินทางเยือนปักกิ่งครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯสมัยแรกในปี 2017
ก่อนหน้าวันพฤหัสบดี(5มิ.ย.) ผู้นำทั้ง 2 ไม่เคยออกมายืนยันใดๆเกี่ยวกับการติดต่อระหว่างกัน นับตั้งแต่ตัวแทนจากรีพับลิกันก้าวสู่อำนาจในเดือนมกราคม แม้ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวอ้างบ่อยครั้ง ว่าใกล้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันแล้ว
ปักกิ่งและวอชิงตัน เห็นพ้องกันในเจนีวา เมื่อเดือนที่แล้ว ให้การระงับศึกรีดภาษีเป็นการชั่วคาว 90 วัน ทว่านับตั้งแต่นั้น 2 ฝ่ายต่างกล่าวโทษกันว่าละเมิดข้อตกลง
ทรัมป์ กล่าวอ้างเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จีน ละเมิดเงื่อนไขต่างๆในข้อตกลงโดยสิ้นเชิง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเพิ่มเติม กระตุ้นให้ทางกระทรวงพาณิชย์จีนตอบโต้ ด้วยการบอกว่ารัฐบาลทรัมป์ "ใช้มาตรการควบคุมแบบเลือกปฏิบัติต่างๆนานา" ในนั้นรวมถึงความเคลื่อนไหวเพิกถอนวีซ่านักศึกษาจีนในสหรัฐฯ
นอกจากจีนแล้ว ทรัมป์ ยังได้โหมกระพือความตึงเครียดกับคู่หูการค้าอื่นๆ ในนั้นรวมถึงสหภาพยุโรป ด้วยการยกระดับรีดภาษีเหล็กและอลูมีเนียมทั่วโลก อีกเท่าตัวเป็น 50% เริ่มตั้งแต่วันพุธ(4มิ.ย.) เป็นต้นไป
(ที่มา:เอเอฟพี)