เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีท เฮกเซธ มีกำหนดเยือนฐานทัพเรือเรียมสร้างจากทุนจีนของกัมพูชาในปีนี้หลังพนมเปญบุกหารือนอกรอบกับสหรัฐฯที่งานแชงกรีลา-ไดอะล็อก สิงคโปร์เมื่อวันที่ 31 พ.คท่ามกลางวิกฤตการปะทะระหว่างกัมพูชา-ไทยที่เขาช่องบก ล่าสุดกองทัพเขมรสั่งซ้อมรบทหารราบใหม่ 1,700 นายพร้อมกันทั่วประเทศเตรียมรับการเผชิญหน้า ส่วนสหภาพยุโรป EU และอินโดนีเซียออกมาแสดงความวิตกความขัดแย้งระหว่างกัมพูชา-ไทยจนมีทหารเขมรดับ 1
ดิพโพลแมทของสหรัฐฯรายงานวันจันทร์(2 มิ.ย)ว่า เจ้าหน้าที่อเมริกันมีความวิตกมานานแล้วว่า ฐานทัพเรียมของกัมพูชาที่ถูกพัฒนาภายใต้ทุนจีนกลางอ่าวไทยนี้จะกลายเป็นฐานทัพปักกิ่งไปโดยปริยายในภูมิภาค
ฐานทัพเรียมตั้งไม่ไกลจากจ.ตราดของไทยและยังอยู่ห่างจากสีหนุวิลล์ไปราว 30 ก.ม ซึ่งฐานทัพแห่งนี้มักมีเรือรบจีนมาจอดประจำเสมอ
ดิพโพลแมทรายงานว่า รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีท เฮกเซธ มีกำหนดจะเยือนฐานทัพเรือเรียมในปีนี้เป็นการเปิดศักราชความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและกัมพูชาเกิดขึ้นหลังเฮกเซธเดินทางจากกรุงวอชิงตันเข้าร่วมการประชุมความมั่นคงแชงกรีลา ไดอะล็อกด้วยตัวเองเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม พร้อมประกาศเตือนภัยคุกคามครั้งใหญ่จากจีนต่อภูมิภาค
กัมพูชาเปลี่ยนท่าทีหันมาผูกมิตรกับตะวันตกมากขึ้นเพื่อถ่วงดุลปักกิ่งและในขณะเดียวกันท้าทายไทยเพื่อนบ้าจนกลายเป็นการปะทะก่อนประกาศจะนำพื้นที่อ่อนไหว 4 จุดที่อ้างว่าทับซ้อนขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ICJ และเมื่อเมษายนที่ผ่านมาฐานทัพเรียมได้เปิดให้กองทัพเรือญี่ปุ่นและเวียดนามเข้ามาเยือน
ล่าสุด เบอร์นาร์ด ฟิลิป (Bernard Philip) ผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมคนที่ 1 ของออสเตรเลีย( First Assistant Secretary) ด้านนโยบายระหว่างประเทศ ตามการรายงานของขแมร์ไทม์สวันนี้(5) เดินทางมาเยือนกรงพนมเปญพร้อมประกาศยืนยันพันธะในการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันแข็งแกร่งมากขึ้นระหว่าง 2 ชาติออสเตรเลีย-กัมพูชา
ดิพโพลแมทชี้ว่า การที่พนมเปญประสบความสำเร็จสามารถเชื้อเชิญรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯคนใกล้ชิดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางมาเยือนที่ฐานทัพเรียมของตัวเองได้นั้นเกิดมาจากการพบกันนอกรอบที่การประชุมความมั่นคงแชงกรีลา-ไดอะล็อกเมื่อวันที่ 31 พ.คระหว่าง จอห์น โนห์ (John Noh) รักษาการผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯด้านกิจการความมั่นคงอินโด-แปซิฟิก และปลัดกระทรวงกลาโหมกัมพูชา พลโท ราธ ดาราร็อธ (Rath Dararoth)
อ้างอิงจากแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯพบว่า ทั้งสองฝ่ายหารือประเด็นความมั่นคงระดับภูมิภาคและความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างกัน
สื่อด้านการต่างประเทศสหรัฐฯชี้ว่า ผลการหารือทำให้เรือรบสหรัฐฯจะเดินทางเข้าไปกัมพูชาและการฝึกทางนาวีระหว่างกันเกิดขึ้นที่ฐานทัพเรียมในปีนี้
แถลงการณ์กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเปิดเผยว่า รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เฮกเซธ มีกำหนดจะเยือนฐานทัพเรือเรียมในปีนี้เช่นกัน ซึ่งผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯแสดงความซาบซึ้งต่อข้อพันธะของกัมพูชาในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันและเปิดกว้างต่อการเชื้อเชิญและการฝึกซ้อมรบที่ฐานทัพเรือ
อย่างไรก็ตามแถลงการณ์ไม่ได้เปิดเผยในรายละเอียดถึงว่าการเยือนจะเกิดขึ้นเมื่อใด
ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์กัมพูชาเดลีรายงานวันนี้(5)ว่า ประธานหอการค้าสหรัฐฯประจำกัมพูชา แคซีย์ บาร์เนตต์ (Casey Barnett) ออกมาให้ความเห็นถึงความแตกต่างระหว่างความช่วยเหลือจากสหรัฐฯและจีนต่อพนมเปญ โดยชี้ว่าขณะที่อเมริกานั้นมุ่งเน้นในด้านความช่วยเหลือให้กับกัมพูชาแต่ทว่าปักกิ่งกลับเน้นไปที่การกู้ยืม
บาร์เนตต์กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ปักกิ่งได้เพิ่มจำนวนการให้เงินสนับสนุนและการลงทุนทางสินทรัพย์ และนี่อาจสะท้อนถึงการเปลี่ยนทิศทางของจีนที่อาจมีเป้าหมายไปที่การจำกัดหนี้ก้อนโตของกัมพูชา
อ้างอิงจากประธานหอการค้าสหรัฐฯ พบว่าจีนให้ความช่วยเหลือกัมพูชานอกเหนือจากเงินแล้วยังเป็นความช่วยเหลือด้าน อาวุธ เสื้อผ้า และการสนับสนุนทางวิศวกรรม
ขแมร์ไทม์สรายงานวานนี้(4)ว่า ทั้งสหภาพยุโรปและอินโดนีเซียออกมาแสดงความวิตกปัญหาความตรึงเครียดระหว่างกัมพูชา-ไทย
หนังสือพิมพ์เขมรได้ขอสัมภาษณ์พิเศษต่อเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป EU ประจำกัมพูชา อีกอร์ ดริสมานส์ (Igor Driesmans) ในเรื่องนี้ ซึ่งท่านทูตอียูได้แสดงความเสียใจไปยังทหารเขมรที่เสียชีวิตในการปะทะกับไทยที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี
และในขณะเดียวกันเขาได้เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายสมานฉันท์เพื่อลดระดับความตรึงเครียดระหว่างกันโดยกล่าวว่า
“ในเรื่องนี้พวกเราขอสนับสนุนให้ทั้งกัมพูชาและไทยให้เพิ่มการเจรจาระดับทวิภาคีต่อประเด็นปัญหาที่ยังค้างเชื่อมโยวกับข้อพิพาทางพรมแดนและออกใช้มาตราการฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์สลดเช่นนี้ในอนาคต”
และกล่าวว่า EU ไม่ได้ได้ต้องการแสดงตัวเพื่อเป็นแบบอย่างสำหรับ ASEAN แต่จากการที่สหภาพยุโรปมีประสบการณ์ยาวนานในด้านการรวมตัวของภูมิภาคที่สามารถเป็นตัวอย่างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเมืองสามารถทำให้เกิดสันติภาพถาวรได้อย่างใด
ขณะเดียวกัน เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำกัมพูชา ซานโต ดาร์โมซูมาร์โต (Santo Darmosumarto) ได้กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างกัมพูชา-ไทยว่า
“ในเวลาเดียวกันในฐานะเป็นชุมชนที่ชาติสมาชิก ASEAN สามารถพึ่งพาการสนับสนุนซึ่งกันและกันได้ในความพยายามเพื่อทำให้มั่นใจถึงสันติภาพที่ยังคงอยู่ต่อไป เสถียรภาพและความมั่งคั่งของภูมิภาค”
เขากล่าวต่อว่า “ทุกความท้าทายที่เผชิญโดยชาติสมาชิก ASEAN โดยเฉพาะเมื่อเกิดในเวลาและสถานที่ต่างออกไปจำเป็นต้องได้ทางออกที่แตกต่าง”
เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียเสริมว่า ในขณะที่จิตวิญญาณของการค้นหาทางออกอย่างสันติสมควรที่จะเป็นด่านหน้าเสมอ (แต่)ประสบการณ์ที่เหมือนกันนั้นไม่สามารถถูกนำมาใช้เพื่อตอบในสถานการณ์ที่แตกต่าง”
ขแมร์ไทม์สรายงานวันพฤหัสบดี(5)ว่า เกิดขึ้นท่ามกลางกองทัพกัมพูชาวันอังคาร(3)สั่งฝึกซ้อมทหารราบใหม่ทั่วประเทศจำนวน 1,700 นายเพื่อรับการเผชิญหน้า
โดยมีจำนวนทหารราบใหม่กัมพูชาทั้งหมด 1,700 นายได้เริ่มการฝึกการทหารราบพร้อมกันทั่วประเทศในฐานฝึกของเขตภูมิภาคบัญชาการทหารทั้งหมด 6 แห่งของกัมพูชา
ท่ามกลางความขัดแย้งของ 2 ชาติที่ยังระอุ สื่อไทยภาคภาษาอังกฤษรายงานวันพุธ(4)ว่า นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรแถลงว่า ไทยพร้อมหากกัมพูชาโจมตีแต่ต้องการสันติภาพมากกว่า
ซึ่งหนังสือพิมพ์กัมพูชา ขแมร์ไทม์สรายงานรายงานวันนี้(5)ว่า ฝ่ายกัมพูชาจะไม่นำปัญหาความขัดแย้งพื้นที่อ่อนไหว 4 จุดเข้าสู่การหารือร่วมกันในการประชุม JBC ครั้งหน้าหลังพนมเปญตัดสินใจจะทำประเด็นดังกล่าวฟ้องศาลโลกแทน