ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามในประกาศระงับการออกวีซ่าให้แก่ชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาศึกษาต่อหรือร่วมโครงการแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ตามถ้อยแถลงของทำเนียบขาวเมื่อวันพุธ (4 มิ.ย.) ในความเคลื่อนไหวซึ่งถือเป็นการยกระดับทำสงครามกับสถาบันไอวีลีกแห่งนี้
คำสั่งของ ทรัมป์ ยังกำหนดให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ไป “พิจารณาเพิกถอน” วีซ่าวิชาการหรือวีซ่าแลกเปลี่ยนของนักศึกษาปัจจุบันในฮาร์วาร์ด “ที่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ของประกาศนี้”
เดือนที่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เพิ่งจะสั่งให้สถานทูตและสถานกงสุลต่างประเทศทุกแห่งเริ่มใช้กระบวนการคัดกรองคุณสมบัติของชาวต่างชาติที่ยื่นคำร้องขอวีซ่าเดินทางมาศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม
ฮาร์วาร์ด โต้แย้งว่า สิ่งที่รัฐบาล ทรัมป์ ทำถือเป็นการ “แก้แค้น” ที่สถาบันไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของรัฐบาลซึ่งต้องการเข้ามาควบคุมการบริหารจัดการ หลักสูตรการเรียนการสอน ตลอดจนค่านิยมของคณะและนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
หนังสือคำสั่งความยาว 2 หน้ากระดาษที่ออกในวันพุธ (4) ยังกล่าวหาฮาร์วาร์ดว่า “มีประวัติเชื่อมโยงกับต่างชาติ และแนวคิดหัวรุนแรงสุดโต่ง”
สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) “เคยเตือนมานานแล้วว่า ศัตรูของสหรัฐฯ ฉวยโอกาสจากการสามารถเข้าถึงสถาบันการศึกษาขั้นสูงของอเมริกาได้อย่างง่ายดายเพื่อขโมยข้อมูล ใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและการพัฒนา และเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน” ประกาศของ ทรัมป์ ระบุ
ผู้นำสหรัฐฯ ยังอ้างว่า ฮาร์วาร์ด “มีสถิติอาชญากรรมสูงขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และขณะเดียวกันก็ล้มเหลวในการออกกฎควบคุมพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรมบางประการภายในวิทยาเขต”
คำประกาศนี้ยังกล่าวหามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดว่าไม่ส่งมอบข้อมูลที่เพียงพอต่อกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ เกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาติ “ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าทำกิจกรรมผิดกฎหมายและอันตราย” และยังอ้างว่า ฮาร์วาร์ด “เกี่ยวพันเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับบรรดาชาติศัตรู” โดยมีการรับเงินทุนจากจีนมากกว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทรัมป์ ยังอ้างด้วยว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังกิจกรรมต่อต้านชาวยิวในฮาร์วาร์ดส่วนใหญ่ล้วนเป็นนักศึกษาต่างชาติ
การจำกัดวีซ่านักศึกษาต่างชาติใหม่ๆ ที่จะเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของ ทรัมป์ ที่จะปราบปรามสถาบันการศึกษาที่ทรงเกียรติ เก่าแก่ และร่ำรวยที่สุดของสหรัฐอเมริกา
ก่อนหน้านี้ รัฐบาล ทรัมป์ ได้ระงับเงินอุดหนุนต่อฮาร์วาร์ดมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ยุติสถานะการได้รับยกเว้นภาษีของสถาบันแห่งนี้ และยังเปิดการสอบสวนว่าฮาร์วาร์ดเลือกปฏิบัติต่อลูกจ้างที่เป็นคนขาว คนเอเชีย ผู้ชาย หรือคนที่เป็นเพศตรงหรือไม่ ซึ่งรวมถึงกระบวนการพิจารณาใบสมัครงานของทางสถาบันด้วย
ทรัมป์ กล่าวหามหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐฯ ว่าเป็นสถานที่บ่มเพาะขบวนการต่อต้านความเป็นอเมริกัน โดยเมื่อเดือนที่แล้วรัฐบาลสหรัฐฯ ก็เพิกถอนสิทธิของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในการรับนักศึกษาต่างชาติ ก่อนจะถูกผู้พิพากษาศาลสหรัฐฯ ออกคำสั่งยับยั้งไว้
ที่มา: รอยเตอร์