ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (30 พ.ค.) ว่าจีนละเมิดข้อตกลงทวิภาคีที่ว่าจะลดภาษีศุลกากรลงด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมประกาศว่าสหรัฐฯ เตรียมขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทั่วโลกเพิ่มเป็น 50%
ผู้นำสหรัฐฯ ออกมากล่าวหาจีนว่าละเมิดข้อตกลงที่ผู้แทนทั้ง 2 ฝ่ายได้เจรจาหารือกันที่นครเจนีวา ซึ่งได้แก่การปรับลดภาษีศุลกากรให้แก่สินค้าของกันและกัน รวมถึงการที่ปักกิ่งจะต้องยกเลิกมาตรการจำกัดการส่งออกแร่ธาตุสำคัญไปยังสหรัฐฯ
“อาจไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจสำหรับใครบางคน แต่จีนละเมิดข้อตกลงที่ทำไว้กับเราอย่างสิ้นเชิง” ทรัมป์ โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social
ระหว่างไปปราศรัยที่รัฐเพนซิลเวเนียเพื่อโปรโมตความเป็นหุ้นส่วนระหว่างนิปปอนสตีลกับยูเอสสตีล ทรัมป์ กล่าวว่าสหรัฐฯ จะขึ้นภาษีศุลกากรเหล็กนำเข้าจากทั่วโลกเพิ่มเป็น 50% โดยมีผลสัปดาห์หน้า ซึ่งเขาอ้างว่า “จะเป็นการปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กของสหรัฐอเมริกามากยิ่งขึ้นไปอีก”
ทรัมป์ ยังประกาศผ่าน Truth Social ในภายหลังว่า อัตราภาษีอะลูมิเนียมนำเข้าก็จะถูกเพิ่มเป็น 50% เช่นกัน
แม้จีนจะเป็นผู้ผลิตและส่งออกเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดของโลก ทว่ามีน้อยมากที่ถูกส่งไปจำหน่ายในในสหรัฐฯ เนื่องจากอัตราภาษี 25% ที่อเมริกาบังคับใช้ในปี 2018 เป็นการกีดกันเหล็กจากจีนเกือบทั้งหมด ขณะที่จีนถือเป็นผู้ผลิตและส่งออกอะลูมิเนียมรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก
ในส่วนของการค้ากับจีนในภาพรวม ทรัมป์ กล่าวว่าเขาได้ทำ “ข้อตกลงแบบรวดเร็ว” กับเจ้าหน้าที่จีนเมื่อกลางเดือน พ.ค. เพื่อให้ 2 มหาอำนาจล่าถอยจากมาตรการรีดภาษีเลข 3 หลักเป็นเวลา 90 วัน เขายังอ้างว่าทำเช่นนี้เพื่อช่วยจีนให้รอดจาก “สถานการณ์ขั้นหายนะ” อย่างการปิดโรงงานและการลุกฮือของประชาชนที่อาจจะเกิดขึ้นจากการถูกสหรัฐฯ รีดภาษีสูงถึง 145%
ทรัมป์ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจีนละเมิดข้อตกลงที่เจนีวาอย่างไร และสหรัฐฯ จะใช้มาตรการอะไรในการกดดันจีนนับจากนี้
ต่อมาเมื่อผู้สื่อข่าวถาม ทรัมป์ ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวว่าจะเอาอย่างไรต่อไปกับเรื่องจีน ทรัมป์ ก็ตอบว่า “ผมมั่นใจว่าผมจะต้องได้คุยกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และหวังว่าเราคงจะหาทางออกร่วมกันได้”
เจ้าหน้าที่หรัฐฯ คนหนึ่งให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า สาเหตุที่ ทรัมป์ ออกมาฟาดงวงฟาดงาครั้งนี้เป็นเพราะจีนล่าช้าในการปฏิบัติตามคำสัญญาออกใบอนุญาตส่งออกแรร์เอิร์ธไปสหรัฐฯ
ข้อตกลงที่ 2 ฝ่ายทำร่วมกันนั้นกำหนดให้จีนยกเลิกมาตรการตอบโต้ทางการค้าที่จำกัดการส่งออกแร่ธาตุสำคัญที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และกลาโหมของอเมริกา
“ฝ่ายจีนล่าช้าในการปฏิบัติตามข้อตกลง ซึ่งเป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างสิ้นเชิงและจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข” เจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับ CNBC โดยไม่ลงรายละเอียด
รอยเตอร์รายงานในวันศุกร์ (30) ว่า ผู้บริหารค่ายยานยนต์ทั่วโลกเริ่มแสดงความกังวลปัญหาขาดแคลนแม่เหล็กแรร์เอิร์ธจากจีนที่ใช้ในสินค้าหลายประเภทตั้งแต่เครื่องยนต์ที่ปัดน้ำฝนเรื่อยไปจนถึงเซ็นเซอร์ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้โรงงานผลิตรถยนต์หลายแห่งต้องปิดตัวภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
หลิว เผิงอี๋ว์ โฆษกสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แถลงว่า จีนยังคงมีการสื่อสารพูดคุยกับสหรัฐฯ ในประเด็นการค้าเรื่อยมาตั้งแต่หารือกันที่เจนีวา แต่ปักกิ่งยังกังวลเรื่องมาตรการจำกัดส่งออกของสหรัฐฯ
“จีนขอเรียกร้องอีกครั้งให้สหรัฐฯ แก้ไขพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง หยุดใช้ข้อจำกัดที่เป็นการเลือกปฏิบัติต่อจีน และปฏิบัติตามมติร่วมในการเจรจาระดับสูงที่เจนีวา” หลิว ระบุในถ้อยแถลง
รอยเตอร์รายงานในสัปดาห์นี้ว่า สหรัฐฯ สั่งให้บริษัทชั้นนำหลายแห่งหยุดส่งออกสินค้าให้จีนโดยไม่มีใบอนุญาต และยังเพิกถอนใบอนุญาตส่งออกเดิมด้วย ซึ่งสินค้าที่ได้รับผลกระทบนั้นมีตั้งแต่ซอฟต์แวร์ออกแบบชิป บิวเทนและอีเทนซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ เครื่องจักรกล และอุปกรณ์ด้านการบิน
ที่มา: รอยเตอร์
