xs
xsm
sm
md
lg

ศาลคดีการค้าสหรัฐฯเบรกภาษีศุลกากรทรัมป์ ชี้ใช้อำนาจเกินขอบเขตขณะทำเนียบขาวรีบอุทธรณ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศาลคดีการค้าของสหรัฐฯ ตัดสินในวันพุธ (28 พ.ค.) สั่งระงับมาตรการรีดภาษีศุลกากรเกือบทั้งหมดของทรัมป์ ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกเริงร่า แม้ทำเนียบขาวยื่นอุทธรณ์ทันควัน คำวินิจฉัยของสถาบันที่พวกเขาระบุว่าเป็น “คณะผู้พิพากษาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง” ด้านจีนได้ทีกระทุ้งวอชิงตันยกเลิกภาษี ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนมองว่า คำตัดสินนี้จะสร้างความสับสนให้กับข้อตกลงการค้าระหว่างอเมริกากับหลายประเทศ ทั้งที่ตกลงกันได้แล้วและที่ยังกำลังต่อรองกันอยู่

การวินิจฉัยเช่นนี้ของศาลสหรัฐฯ เป็นหลักหมายแสดงถึงความเพลี่ยงพล้ำครั้งสำคัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่เขาพยายามจัดความสัมพันธ์ทางการค้าที่สหรัฐฯมีอยู่กับทั่วโลกเสียใหม่ โดยประกาศขึ้นภาษีศุลกากรแบบสุดโหด เพื่อบังคับให้รัฐบาลชาติคู่ค้าทั้งหลายมาเจรจากับอเมริกา

การเปิดสงครามการค้ากับทั่วโลกของทรัมป์ครั้งนี้ ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อลงโทษประเทศต่างๆ ที่ส่งออกไปยังอเมริกาน้อยกว่าที่นำเข้า ซึ่งพวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่าขัดแย้งกับหลักการค้าระหว่างประเทศ แถมยังมีการประกาศเพิ่มความเข้มข้นและลดหย่อนไปๆ มาๆ ได้ส่งผลให้ตลาดการเงินปั่นป่วนไปหมด

ทรัมป์อ้างว่า การขาดดุลการค้าและภัยคุกคามจากการไหลทะลักของยาเสพติด ถือเป็น “สถานการณ์ฉุกเฉินของประเทศ” ที่จำเป็นต้องรับมือด้วยการปูพรมรีดภาษีศุลกากร

ทว่า ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ที่ประกอบด้วยคณะผู้พิพากษา 3 คน ประกาศคำวินิจฉัยในวันพุธว่า การออกคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งสมัยสองในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยอ้างอิงรัฐบัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศปี 1977 (เรียกกันย่อๆ ว่ากฎหมาย IEEPA) นั้น เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต และต้องระงับการบังคับใช้มาตรการเหล่านี้ทั้งหมด

คำวินิจฉัยครั้งนี้เป็นการตัดสินคดีฟ้องร้อง 2 คดี ซึ่งโจทก์คือกลุ่มธุรกิจและกลุ่มพันธมิตร 12 รัฐในสหรัฐฯ ที่ร้องเรียนว่า การกระทำของทรัมป์เป็นการละเมิดอำนาจฝ่ายรัฐสภาที่รัฐธรรมนูญระบุว่าจะต้องเป็นผู้ควบคุมเรื่องการเงินของประเทศ

คณะผู้พิพากษาพิจารณาเห็นว่า แม้ไออีอีพีเอให้อำนาจประธานาธิบดีในการออกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจระหว่างสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อรับมือภัยคุกคามที่ไม่ปกติ แต่ไม่ได้ให้อำนาจประธานาธิบดีในการบังคับใช้ภาษีศุลกากรโดยไม่จำกัดกับสินค้าจากทุกประเทศทั่วโลก และการใช้อำนาจลักษณะเช่นนี้ถือเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ

ศาลยังมีคำสั่งให้ทำเนียบขาวจัดทำกระบวนการเพื่อระงับการบังคับใช้ภาษีศุลกากรให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน

ทางด้าน ส.ส.เกรเกอรี มีคส์ สมาชิกอาวุโสที่สุดของฝ่ายเดโมแครตในคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศ ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ บอกว่า คำพิพากษานี้ยืนยันว่าการที่ทรัมป์อ้างสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อสร้างความชอบธรรมในการทำสงครามการค้าและบังคับใช้ภาษีศุลกากรนั้น เป็นการใช้ไออีอีพีเอโดยมิชอบ

อย่างไรก็ดี ปฏิกิริยาตอบโต้จากทำเนียบขาวคือ การออกมาประณามว่า “คณะผู้พิพากษาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง” ไม่มีสิทธิ์ตัดสินวิธีการจัดการปัญหาของทรัมป์ และทีมทนายความของคณะบริหารได้ยื่นอุทธรณ์ทันทีทันควัน

คุช เดไซ โฆษกของทรัมป์ ยืนกรานว่า คณะบริหารมุ่งมั่นใช้อำนาจฝ่ายบริหารทั้งหมดเพื่อจัดการวิกฤตและฟื้นความยิ่งใหญ่ของอเมริกา

สำหรับปฏิกิริยาจากพวกประเทศคู่ค้ารายใหญ่ๆ ของสหรัฐฯนั้น เหอ หย่งเฉียน โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ออกคำแถลงในวันพฤหัสบดี (29) เรียกร้องให้อเมริการับฟังความคิดเห็นที่มีเหตุผลของนานาชาติและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายในประเทศ และยกเลิกมาตรการภาษีศุลกากรตามอำเภอใจฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นมาตรการที่ผิดพลาด

ทั้งนี้ จีนถูกอเมริกาเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงถึง 145% ก่อนที่จะปรับลดลงเหลือ 30% และชะลอการบังคับใช้ 90 วันระหว่างการเจรจากัน

ในวันพฤหัสฯเช่นกัน เรียวเซ อาคาซาวะ ผู้แทนการเจรจาภาษีศุลกากรของญี่ปุ่น กล่าวหลังเสร็จสิ้นการเจรจาภาษีศุลกากรภาคยานยนต์รอบที่ 4 กับวอชิงตันว่า โตเกียวจะศึกษารายละเอียดของคำตัดสินนี้

ทรัมป์นั้นยังคงมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10% จากประเทศคู่ค้าเกือบทั้งหมดที่ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ถึงแม้ได้ระงับใช้ชั่วคราวมาตรการที่เขาเรียกว่าภาษีศุลกากรตอบโต้ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงขึ้นไปอีก ที่เรียกเก็บจากพวกคู่ค้าหลายสิบประเทศ โดยรวมถึงจีน ญี่ปุ่น และอียู

ภายหลังข่าวคำพิพากษาของศาลสหรัฐฯนี้แพร่ออกไป ก็ส่งผลให้ค่าดอลลาร์แข็งขึ้นเมื่อเทียบยูโร เยน และฟรังก์สวิส เช่นเดียวกับราคาหุ้นในตลาดแถบเอเชียและสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในวอลล์สตรีทที่พุ่งขึ้นอย่างคึกคัก

อย่างไรก็ดี แคทลีน บรูคส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ เอ็กซ์ทีบี ชี้ว่า คำวินิจฉัยนี้จะสร้างความสับสนให้กับข้อตกลงการค้าระหว่างอเมริกากับหลายประเทศ ทั้งที่ตกลงกันได้แล้วและที่ยังคงต่อรองกันอยู่

ขณะที่ อเล็ก ฟิลลิปส์ นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ตั้งข้อสังเกตว่า คำตัดสินคราวนี้ของศาลการค้าระหว่างประเทศ ไม่ได้ครอบคลุมภาษีศุลกากรที่ทรัมป์เรียกเก็บจากเฉพาะอุตสาหกรรม เช่น เหล็กกล้าและอะลูมีเนียม ตลอดจนรถยนต์ นอกจากนั้นทรัมป์ยังมีช่องทางทางกฎหมายอื่นๆ ในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบเหมารวมและแบบเฉพาะเจาะจงเป็นรายประเทศ ซึ่งเท่ากับว่า ผลลัพธ์สุดท้ายสำหรับประเทศคู้ค้ารายใหญ่ส่วนใหญ่ของอเมริกาอาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จากคำสั่งนี้

(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์)
กำลังโหลดความคิดเห็น