ผู้นำอาเซียนบรรลุความเข้าใจร่วมกันวานนี้ (27 พ.ค.) ว่า การเจรจาข้อตกลงทวิภาคีใดๆ กับสหรัฐฯ ในเรื่องภาษีจะต้องไม่ก่อความเสียหายต่อเศรษฐกิจของรัฐสมาชิกอื่นๆ ตามถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย
อันวาร์ ในฐานะประธานอาเซียนกล่าวว่า ที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 46 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ได้ลงความเห็นพ้องกันว่า การทำข้อตกลงใดๆ กับสหรัฐฯ จะต้องคำนึงถึงการปกป้องผลประโยชน์ของอาเซียนทั้งภูมิภาค
การประชุมอาเซียนครั้งนี้เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ตลาดโลกกำลังผันผวนอย่างหนักและเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะลอตัว โดยมีปัจจัยจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าที่ปะทุรุนแรงขึ้นนับตั้งแต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศมาตรการรีดภาษีตอบโต้คู่ค้าทั่วโลกในวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งเขาเรียกว่าเป็น “วันปลดปล่อย” (Liberation Day)
อาเซียนเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ถูกสหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีตอบโต้หนักที่สุด โดยมีอยู่ 6 ชาติที่จะโดนเก็บภาษีสินค้าที่นำเข้าสหรัฐฯ ระหว่าง 32-49% ภายในเดือน ก.ค. หากเจรจาไม่เป็นผล
“ในระหว่างที่เราแต่ละชาติเปิดเจรจาทวิภาคีกับสหรัฐฯ มีความเข้าใจที่ตรงกันภายในอาเซียนว่า การตัดสินใจใดๆ จะต้องไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอื่น” อันวาร์ กล่าว
ผู้นำมาเลเซียระบุว่า ตนได้ยื่นจดหมายถึง ทรัมป์ เมื่อวันจันทร์ (26) เพื่อเรียกร้องขอเปิดการเจรจาระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ ในเรื่องภาษี
“ดังนั้น เราจำเป็นจะต้องปกป้องผลประโยชน์ของประชากรทั้ง 650 หรือ 660 ล้านคน” เขากล่าว
อาเซียนซึ่งมีมูลค่า GDP รวมกันมากกว่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดและเป็นปัจจัยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาคด้วย
อาเซียน 10 ประเทศยังได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์ระยะ 5 ปีเพื่อเพิ่มการบูรณาการทางเศรษฐกิจ โดยอ้างถึงปัจจัยท้าทายต่างๆ ที่ทำให้ “การดำเนินงานแบบปกติเหมือนที่เคยเป็นไม่เพียงพออีกต่อไป”
การประชุมในวันอังคาร (27) ยังรวมถึงการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) และจีน ซึ่งได้ส่งนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง มาเป็นตัวแทนร่วมประชุม
ระหว่างงานเลี้ยงอาคารค่ำ นายกฯ หลี่ ได้เรียกร้องให้กลุ่มรัฐอ่าวอาหรับและอาเซียนขจัดอุปสรรคทางการค้าซึ่งกันและกัน และส่งเสริมความเป็นเสรีเพื่อต่อต้านลัทธิกีดกันการค้า (protectionism) และการกระทำฝ่ายเดียว (unilateralism) ที่กำลังแผ่ขยาย
“เราจำเป็นที่จะต้องคงไว้ซึ่งระบบการค้าแบบพหุภาคีที่มีองค์การการค้าโลก (WTO) เป็นแกนหลัก และสนับสนุนการสร้างบรรยากาศของตลาดระหว่างประเทศที่มีเสถียรภาพและเป็นระเบียบเรียบร้อย” นายกฯ จีน กล่าว
ที่มา: รอยเตอร์