xs
xsm
sm
md
lg

รัสเซียส่งทัพโดรนใหญ่ที่สุดถล่มยูเครนระบุตอบโต้การยั่วยุ ขณะขู่เยอรมนีโอเคให้เคียฟใช้อาวุธตะวันตกโจมตีหมีขาวเต็มที่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รัสเซียแถลงในวันอังคาร (27 พ.ค.) ว่าส่งทัพโดรนขนาดใหญ่ที่สุดเข้าถล่มยูเครนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เป็นการตอบโต้การยกระดับก่อการร้ายและการยั่วยุของเคียฟ ซึ่งต้องการขัดขวางความพยายามเดินหน้าสู่สันติภาพ นอกจากนั้น เครมลินยังระบุว่า การที่ผู้นำเยอรมนีส่งสัญญาณเปิดทางให้ยูเครนใช้อาวุธของตะวันตกโจมตีเป้าหมายในรัสเซียได้อย่างเสรีไม่มีข้อจำกัดอีกต่อไป เป็นการตัดสินใจที่อันตรายและขัดต่อการหาวิธีคลี่คลายปัญหาด้วยแนวทางการเมือง


พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนระบุว่า รัสเซียได้ส่งโดรนจำนวนมากโจมตียูเครนอย่างต่อเนื่องเป็นคืนที่ 3 ในคืนวันจันทร์ (26) ซึ่งทำให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศต้องทำงานสุดความสามารถ โดยที่เมื่อวันอาทิตย์ (25) นั้น การถล่มของโดรนแดนหมีขาได้สังหารผู้คนไปอย่างน้อย 13 คน

ขณะที่กองทัพอากาศยูเครนแจกแจงในวันจันทร์ (26) ว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธร่อน 9 ลูก และส่งโดรนชาเฮด 355 ลำ ซึ่งรวมถึงโดรนล่อเป้า เข้าโจมตีดินแดนยูเคน ในช่วงระหว่างคืนวันอาทิตย์จนถึงเช้าวันจันทร์ (26 พ.ค.) นับเป็นการโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุด

จากนั้น กองทัพอากาศยูเครนแถลงเพิ่มเติมในวันอังคาร (27) ว่า รัสเซียส่งโดรน 60 ลำโจมตีเป้าหมาย 9 แห่งในช่วงคืนวันจันทร์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บไปหลายคน

ยูริ อิกนัต โฆษกกองทัพอากาศยูเครนเตือนเมื่อวันจันทร์ว่า มีความยากลำบากมากขึ้นในการรับมือการโจมตีด้วยโดรนจำนวนมากจากมอสโก และเสริมว่า ยูเครนจำเป็นต้องมีวิธีที่เหมาะสมมากขึ้นและราคาถูกลงในการทำลายโดรนของรัสเซีย

กระนั้น แหล่งข่าวคนหนึ่งในกองทัพยูเครนยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก เนื่องจากเคียฟยังคงต่อสู้ด้วยระบบการป้องกันภัยทางอากาศที่มีอยู่ กระนั้น เพื่อรักษาศักยภาพการรับมือนี้ ยูเครนจำเป็นต้องได้รับอาวุธจากตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งขีปนาวุธแพทริออต ระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลางนาแซมส์ และจรวดจากอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ไอริส-ที

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน ก็สั่งเพิ่มกำลังผลิตโดรนสกัดกั้น และเตรียมเพิ่มงบประมาณการผลิตขีปนาวุธด้วยเช่นกัน และเสริมว่า จะขอเงินสนับสนุนเพิ่มเติมจากพันธมิตรมาใช้เพื่อการนี้

เซเลนสกี้ยังเรียกร้องให้เพิ่มมาตรการแซงก์ชันมอสโก โดยระบุว่า การโจมตีของรัสเซียมีขนาดใหญ่ขึ้นทุกคืน ช่วง 3 คืนที่ผ่านมามีการส่งโดรนและขีปนาวุธราว 900 ชุดเข้าถล่มยูเครน ซึ่งไม่มีเหตุผลทางทหาร แต่เห็นได้ชัดว่า เป็นการตัดสินใจทางการเมืองของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่จะส่งสัญญาณในการทำสงครามต่อ

การโจมตีเหล่านี้ยังคงดำเนินไป หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ (25) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาตำหนิปูตินอย่างรุนแรงว่า “บ้าไปแล้ว”

ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันจันทร์ (26 นายกรัฐมนตรีฟรีดริช เมร์ซ ของเยอรมนี ประกาศว่า รัฐบาลเยอรมนีจะทำทุกทางที่เป็นไปได้เพื่อคงการสนับสนุนกองทัพยูเครนต่อไป และชี้ว่า การยกเลิกการจำกัดระยะการโจมตีของอาวุธที่พันธมิตรตะวันตกจัดหาให้ จะช่วยให้ยูเครนสามารถโจมตีที่ตั้งทางทหารทั้งหมดในรัสเซียได้

ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว วอชิงตันอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธที่ผลิตในอเมริกาโจมตีเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ขณะที่ผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนีก็ประกาศเอาไว้ในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกันว่า เคียฟควรได้รับอนุญาตให้โจมตีที่ตั้งทางทหารในรัสเซียที่ถูกใช้ในการถล่มยูเครน

อย่างไรก็ดี เมร์ซไม่ได้ระบุว่า เยอรมนีจะส่งมอบขีปนาวุธร่อน ทอรัส ให้ยูเครนหรือไม่ โดยที่เรื่องนี้คือสิ่งที่เขาเคยเรียกร้องต่อรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ตอนที่ตนเองเป็นผู้นำฝ่ายค้านอยู่ ขณะที่แหล่งข่าวหลายคนเผยว่า เซเลนสกี้อาจเดินทางไปเบอร์ลินในวันพุธ (28 พ.ค.) ทั้งนี้ ทอรัส มีพิสัยทำการไกลกว่าขีปนาวุธอื่นๆ ที่ฝ่ายตะวันตกส่งมอบให้แก่ยูเครนอยู่แล้วในเวลานี้

ด้านดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ออกมาแสดงความเห็นว่า แนวทางของเมร์ซ อันตรายมาก อีกทั้งขัดแย้งกับความพยายามในการบรรลุข้อตกลงทางการเมือง

นอกจากนั้นแล้ว กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังแถลงในวันอังคาร (27) ว่า เคียฟ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบางประเทศในยุโรป ได้ทำการยั่วยุเพื่อขัดขวางกระบวนการสันติภาพที่รัสเซียริเริ่มขึ้น และสำทับว่า กองทัพรัสเซียโจมตียูเครนอย่างหนักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เพื่อตอบโต้ที่เคียฟส่งโดรนจำนวนมากเข้าไปโจมตีแคว้นต่างๆ ของรัสเซีย พร้อมกับระบุว่า นับจากวันที่ 20 พ.ค. ยูเครนส่งโดรน 1,465 ลำเข้าโจมตีรัสเซีย ทำให้พลเรือนรัสเซียได้รับบาดเจ็บ ซึ่งรวมถึงผู้หญิงและเด็ก และกล่าวเตือนว่า จะโจมตีต่อไปเพื่อตอบโต้การก่อการร้ายและการยั่วยุของเคียฟ

นอกเหนือจากการโจมตีกันด้วยอากาศยานไร้คนขับแล้ว รอยเตอร์รายงานโดยอ้างโพสต์บนเฟซบุ๊กของโอเลห์ กริโกรอฟ ผู้ว่าการแคว้นซูมี ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนว่า กองกำลังรัสเซียเข้ายึดหมู่บ้าน 4 แห่ง และยังคงพยายามบุกลึกต่อไปเพื่อจัดตั้ง “เขตกันชน” อย่างไรก็ดี กองทัพยูเครนยังควบคุมสถานการณ์ไว้ได้

ทั้งนี้แคว้นซูมีอยู่ตรงข้ามคนละฟากชายแดนกับแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย โดยที่แคว้นคูร์สก์คือดินแดนซึ่งกองทัพยูเครนเปิดฉากบุกข้ามพรมแดนเข้าไปตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ถึงแม้มอสโกระบุในระยะหลังๆ นี้ว่า ทหารยูเครนเหล่านั้นถูกขับไล่ออกไปแล้ว ทว่า เคียฟยืนยันว่า กองกำลังของตนยังคงปฏิบัติภารกิจอยู่ในแคว้นดังกล่าว

(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์)
กำลังโหลดความคิดเห็น