xs
xsm
sm
md
lg

อาเซียนลุยส่งเสริมการค้าภายในภูมิภาค ผนึกกำลังจีนรับมือภาษีศุลกากรอเมริกา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์ – อาเซียนเล็งส่งเสริมการค้าในหมู่ชาติสมาชิก รวมทั้งกับจีนเพิ่มมากขึ้น เพื่อผลักดันกลยุทธ์ที่กล้าหาญในการรับมือกับภัยคุกคามจากภาษีศุลกากรของอเมริกา

เต็งกู ซาฟรูล อับดุล อาซิส รัฐมนตรีการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในวันอาทิตย์ (25 พ.ค.) ก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียนว่า สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ได้บรรลุการเจรจาในการยกระดับความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (อาติกา) และเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน (คาฟตา) โดยจะมีการลงนามข้อตกลงในเดือนตุลาคม

เต็งกู ซาฟรูล ซึ่งเป็นประธานการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน คาดว่า ความสำเร็จเหล่านี้จะส่งเสริมการผสานรวมเศรษฐกิจในภูมิภาคและสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมากต่ออาเซียนท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก

มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนวาระปัจจุบัน เรียกร้องให้อาเซียนขยายหุ้นส่วนทางการค้าขณะที่ต้องเผชิญอัตราภาษีศุลกากรสูงลิบจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

เต็งกู ซาฟรูลยังกล่าวอีกว่า อาเซียนจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง และยอมรับกลยุทธ์ที่กล้าหาญ ยืดหยุ่น และมองการณ์ไกลมากขึ้น รวมทั้งปกป้องและส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่ม และย้ำว่า อาเซียนยังคงยึดมั่นในหลักการพหุภาคีและระเบียบการค้าโลกที่อิงกับกฎเกณฑ์ รวมทั้งนโยบายในการงดตอบโต้ต่อมาตรการภาษีของอเมริกา

เขายังบอกอีกว่า แม้สมาชิกอาเซียนเป็นประเทศอธิปไตยที่ควรเจรจาภาษีแบบทวิภาคีกับอเมริกา แต่ก็ควรเน้นย้ำจุดยืนของอาเซียนในระหว่างการเจรจาด้วย

ทั้งนี้ คาดว่า ในการประชุมสุดยอดที่จะมีขึ้นในวันจันทร์และอังคาร (26-27 พ.ค.) อาเซียนจะพยายามขยายข้อตกลงการค้าเสรีภายในภูมิภาคควบคู่กับการเกี่ยวพันกับกลุ่มเศรษฐกิจและหุ้นส่วนการเจรจาอื่นๆ

เต็งกู ซาฟรูลแจงว่า ที่ผ่านมาได้มีการหารือเพื่อหาวิธีปรับปรุงการค้าภายในอาเซียน ซึ่งมีมูลค่าราว 23% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของกลุ่ม

จุดประสงค์ของอาติกาคือ การไหลเวียนของสินค้าอย่างเสรีในหมู่ชาติสมาชิกซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนธุรกิจถูกลง ตลาดใหญ่ขึ้น และมีการประหยัดจากขนาด ขณะที่ข้อตกลงที่ได้รับการปรับปรุงมีเป้าหมายเพื่อลดภาษีศุลกากรและยกเลิกอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากรในหมู่ชาติสมาชิก

กาน คิม ยอง รัฐมนตรีการค้า-อุตสาหกรรม และเป็นรองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ แถลงในวันอาทิตย์ว่า ความสำเร็จในการยกระดับการเจรจาสะท้อนความมุ่งมั่นของอาเซียนในการสร้างกลุ่มเศรษฐกิจที่ราบรื่นและยืดหยุ่น ตลอดจนถึงรักษาสภาพแวดล้อมการค้าที่อิงกับกฎเกณฑ์เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจในอาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไร้ความแน่นอน

ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน โมฮัมหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวเปิดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนโดยเน้นย้ำว่า สมาชิกอาเซียนคือประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรของอเมริกาหนักที่สุด และต้องฉวยโอกาสนี้ผนึกกำลังทางเศรษฐกิจอย่างลึกซึ้งขึ้นเพื่อให้สามารถปกป้องอาเซียนจากผลกระทบจากภายนอกได้ดียิ่งขึ้น

โมฮัมหมัดเสริมว่า สงครามการค้าอเมริกา-จีนทำให้รูปแบบการค้าและการผลิตทั่วโลกชะงักงันอย่างรุนแรง และตั้งข้อสังเกตว่า มีแนวโน้มที่ภาวะเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว

จากข้อมูลศุลกากรของจีน อาเซียนเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของจีน โดยมีมูลค่าการค้ารวมสูงถึง 234,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้

เมื่อวันพุธที่แล้ว (21 พ.ค.) กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงภายหลังบรรลุการเจรจาว่า คาฟตา 3.0 จะส่งเสริมการผนวกรวมด้านการผลิตและห่วงโซ่อุปทานของจีนและอาเซียน รวมทั้งจะทำให้สภาพแวดล้อมการค้าระดับภูมิภาคและระดับโลกมีความแน่นอนมากขึ้น และรับบทบาทนำในการส่งเสริมการร่วมมือที่เปิดกว้าง ครอบคลุม และเป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่าย

ปักกิ่งพยายามเกี่ยวพันกับอาเซียนมากขึ้น นับจากที่ทรัมป์ประกาศรีดภาษีศุลกากรประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน อย่างไรก็ดี อเมริกาชะลอการเรียกเก็บภาษีหลายประเภท และตกลงกับจีนในการระงับการเก็บภาษีศุลกากรโต้ตอบกันเป็นการชั่วคราว

ในการแถลงเมื่อวันอาทิตย์ โมฮัมหมัดอธิบายว่า อาเซียนเป็นภูมิภาคที่ความทะเยอทะยานทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และความมั่นคงบรรจบกัน ก่อนทิ้งท้ายว่า ในภาวะที่ความกดดันภายนอกกำลังเพิ่มขึ้น

และความท้าทายมีเดิมพันสูงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความเป็นเอกภาพของอาเซียนจึงมีความสำคัญอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น