คณะผู้เจรจาการค้าของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำลังกดดันให้สหภาพยุโรป (อียู) ต้องลดการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ฝ่ายเดียว โดยระบุว่าหากไม่มีการผ่อนปรน การเจรจาเพื่อขอหลีกเลี่ยงอัตราภาษีตอบโต้ 20% ของสหรัฐฯ ต่ออียูก็จะคืบหน้าไปต่อไม่ได้ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส
ไฟแนนเชียลไทม์สอ้างแหล่งข่าวไม่ประสงค์ออกนามซึ่งระบุว่า เจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เตรียมแจ้งต่อ มารอส เซฟโควิช กรรมาธิการด้านการค้าของยุโรปในวันนี้ (23 พ.ค.) ว่า "หมายเหตุอธิบาย" ล่าสุดที่บรัสเซลส์แจ้งมานั้นยังไม่เป็นไปตามความคาดหวังของฝ่ายสหรัฐฯ
สื่อฉบับนี้ยังระบุด้วยว่า สหภาพยุโรปพยายามผลักดันให้มีการกำหนดกรอบการเจรจาร่วมกัน ทว่าจุดยืนของทั้ง 2 ฝ่ายยังคงมีความแตกต่างกันอย่างมาก
รอยเตอร์ยังไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของรายงานนี้ ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรปและสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ก็ยังไม่ได้ตอบข้อซักถามจากผู้สื่อข่าวรอยเตอร์
สหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีศุลกากร 25% สำหรับรถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียมที่นำเข้าจากสหภาพยุโรปเมื่อเดือน มี.ค. และ 20% สำหรับสินค้าอื่นๆ ในเดือน เม.ย. จากนั้นจึงประกาศลดอัตราภาษีนำเข้าลงเหลือครึ่งหนึ่งจนถึงวันที่ 8 ก.ค. โดยกำหนดกรอบเวลา 90 วันสำหรับการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงด้านภาษีที่ครอบคลุมมากขึ้น
สหภาพยุโรปซึ่งมีสมาชิก 27 ประเทศได้ตอบสนองสหรัฐฯ ด้วยการระงับแผนของตนเองที่จะขึ้นภาษีตอบโต้สินค้าบางรายการของอเมริกา และเสนอให้ใช้อัตราภาษีเป็น “ศูนย์” สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมทั้งหมดจากทั้ง 2 ฝ่าย
ที่มา: รอยเตอร์