รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งห้ามมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) รับนักศึกษาต่างชาติเมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) ขณะที่นักศึกษาต่างชาติปัจจุบันถูกบังคับให้ต้องย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยอื่น หรือไม่ก็จะถูกเพิกถอนสถานะวีซ่า โดยรัฐบาล ทรัมป์ ยังขู่จะขยายมาตรการกวาดล้างนี้ไปยังสถาบันการศึกษาอื่นๆ ด้วย
คริสตี โนเอม รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ทางกระทรวงเพิกถอนใบอนุญาตรับรองโครงการ Student and Exchange Visitor Program ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดโดยมีผลบังคับสำหรับปีการศึกษา 2025-2026
โนเอม ยังกล่าวหามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้ว่า “บ่มเพาะความรุนแรงและลัทธิเกลียดชังชาวเซมิติก และร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน”
ทางมหาวิทยาลัยระบุว่า คำสั่งของรัฐบาล ทรัมป์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อนักศึกษาฮาร์วาร์ดหลายพันคนถือว่าผิดกฎหมาย และเข้าข่ายเป็นการแก้แค้น
ฮาร์วาร์ดซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวีลีก (Ivy League) ที่ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ กลายมาเป็นหนึ่งในสถาบันสำคัญที่ถูกรัฐบาล ทรัมป์ เล่นงาน หลังจากที่ทางมหาวิทยาลัยปฏิเสธไม่ยอมส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถือวีซ่านักศึกษาบางคนให้กับกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ
ฮาร์วาร์ดรับนักศึกษาต่างชาติเกือบ 6,800 คนในปีการศึกษา 2024-2025 หรือคิดเป็นร้อยละ 27 ของจำนวนนักศึกษาทั้งหมด ตามข้อมูลสถิติของมหาวิทยาลัย
ในปี 2022 นักศึกษาชาวจีนถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของนักศึกษาต่างชาติ โดยมีจำนวน 1,016 คน รองลงมาได้แก่นักศึกษาจากแคนาดา อินเดีย เกาหลีใต้ อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น
สถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ
“ความสามารถในการรับนักศึกษาต่างชาติที่จ่ายค่าเทอมสูงเป็นพิเศษ และนำเงินเหล่านี้มาช่วยอุดหนุนค่าใช้จ่ายหลายล้านดอลลาร์ของมหาวิทยาลัย ถือเป็นสิทธิพิเศษ (privilege) ไม่ใช่สิทธิที่พึงมี (right)” โนเอม ระบุในถ้อยแถลง
รัฐมนตรีหญิงผู้นี้ยังระบุในจดหมายที่ส่งถึงฮาร์วาร์ดว่าจะ “ให้โอกาส” มหาวิทยาลัยขอคืนใบอนุญาตรับนักศึกษาต่างชาติ ด้วยการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาติที่ทางกระทรวงต้องการภายใน 72 ชั่วโมง ซึ่งรวมถึงคลิปวิดีโอหรือคลิปเสียงที่บันทึกกิจกรรมการประท้วงของนักศึกษาเหล่านั้นในรอบ 5 ปี
ฮาร์วาร์ดวิจารณ์การกระทำของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า “ผิดกฎหมาย” และยืนยันว่าทางสถาบันยังคง “มีความมุ่งมั่นอย่างเปี่ยม” ที่จะให้ความรู้แก่นักศึกษาต่างชาติต่อไป
“การแก้แค้นเช่นนี้เสี่ยงที่จะก่อความเสียหายร้ายแรงต่อประชาคมฮาร์วาร์ดและต่อประเทศชาติของเรา อีกทั้งยังเป็นการบ่อนทำลายภารกิจทางวิชาการและการวิจัยของฮาร์วาร์ดด้วย” มหาวิทยาลัยระบุ
สมาชิกสภาคองเกรสสายเดโมแครตหลายคนก็ได้ออกมาประณามคำสั่งห้ามฮาร์วาร์ดรับนักศึกษาต่างชาติ โดย ส.ส. ไฮเม ราสกิน ชี้ว่า “เป็นการโจมตีต่อความเป็นอิสระและเสรีภาพทางวิชาการของฮาร์วาร์ดอย่างที่ไม่อาจทนรับได้” พร้อมกล่าวหารัฐบาลสหรัฐฯ ว่ามีเจตนาแก้แค้นที่ ฮาร์วาร์ด แสดงจุดยืนต่อต้าน ทรัมป์
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ ได้ประกาศระงับเงินอุดหนุน 3,000 ล้านดอลลาร์ที่รัฐต้องจ่ายแก่ให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และทำให้มหาวิทยาลัยต้องยื่นฟ้องศาลเพื่อคัดค้านคำสั่งนี้
ขณะเดียวกัน ผู้พิพากษาศาลสหรัฐฯ ก็มีคำตัดสินวานนี้ (22) ว่า รัฐบาล ทรัมป์ ไม่มีสิทธิเพิกถอนสถานะวีซ่าของนักศึกษาต่างชาติโดยปราศจากกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากที่ก่อนหน้านั้น ทรัมป์ พยายามเพิกถอนวีซ่านักศึกษาต่างชาติหลายร้อยคนทั่วสหรัฐฯ และไม่แน่ชัดว่าคำตัดสินของศาลในครั้งนี้มีส่วนทำให้รัฐบาลยกระดับเล่นงานมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดหนักขึ้นหรือไม่
ระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการ The Story with Martha MacCallum ทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ โนเอม ได้ถูกพิธีกรตั้งคำถามว่าจะพิจารณาใช้มาตรการกดดันในลักษณะนี้กับมหาวิทยาลัยอื่นๆ อีกหรือไม่? เช่น มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เป็นต้น
“แน่นอน เราทำแน่” เธอให้คำตอบ “นี่ถือเป็นคำเตือนไปยังมหาวิทยาลัยทุกแห่งให้ต้องจัดระเบียบสิ่งต่างๆ ให้เหมาะสม”
หลังจากที่สาบานตนเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เมื่อเดือน ม.ค. ทรัมป์ ได้ออกมาตรการกวาดล้างผู้อพยพหลายอย่าง และยังพยายามที่จะเพิกถอนวีซ่าและกรีนการ์ดของนักศึกษาต่างชาติหลายคนที่เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์
ที่มา: รอยเตอร์