มีข่าวลือว่าอินโดนีเซียกำลังทบทวนข้อตกลงมูลค่า 8,100 ล้านดอลลาร์ สำหรับจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ราฟาล 42 ลำ จากฝรั่งเศส ตามหลังเครื่องบินราฟาลของอินเดีย 5 ลำ ถูกสอยร่วงโดยเครื่องบิน J-10C ที่ผลิตโดยจีน ของกองทัพปากีสถาน เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
รายงานข่าวของเว็บไซต์ Caliber.Az อ้างอิง Defence Turk เว็บไซต์ข่าวและบทวิเคราะห์ของตุรกี ที่เน้นด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและกองทัพ ระบุว่าพวกเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงกลาโหมของอินโดนีเซีย กำลังประเมินความน่าเชื่อถือในด้านปฏิบัติการของเครื่องบินที่ผลิตโดยฝรั่งเศสรุ่นนี้
แม้จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นทางการใดในข้อตกลงจัดซื้อ และคาดหมายว่าการส่งมอบยังคงจะเริ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2026 ตามเติม แต่รายงานข่าวระบุว่าเริ่มมีความไม่สบายใจในประชาคมกลาโหมของอินโดนีเซีย ในขณะที่การจัดซื้อเครื่องบินราฟาล เคยถูกมองในฐานะเป็นรากฐานสำคัญในความพยายามของประเทศ สำหรับปรับปรุงกองทัพอากาศให้มีความทันสมัยและเสริมการป้องปรามในระดับภูมิภาค
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2025 ท่ามกลางสถานการณ์ความเป็นปรปักษ์ที่ลุกลามบานปลายหนักหน่วงขึ้นระหว่างอินเดียกับปากีสถาน เครื่องบินขับไล่ J-10C ของปากีสถาน ที่ติดตั้งขีปนาวุธยิงจากอากาศสู่อากาศ PL-15E ที่ผลิตโดยจีน มีรายงานว่าสามารถสอยร่วงเครื่องบินของกองทัพอากาศอินเดีย 5 ลำ ในนั้นเป็นเครื่องบินขับไล่ราฟาล จำนวน 3 ลำ, มิก-29 จำนวน 1 ลำและอีกลำได้แก่ Su-30MKI
เหตุการณ์นี้ถือเป็นการยืนยันความสูญเสียครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินราฟาล และมอบรากฐานสำคัญในยุทธศาสตร์ป้องกันภัยทางอากาศของอินเดีย การสู้รบเกิดขึ้นระหว่างที่อินเดียเปิดปฏิบัติการที่เรียกว่า Sindoor ซึ่งเป็นการโจมตีแก้แค้นเป้าหมายต่างๆที่อ้างว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานก่อการร้ายในปากีสถาน ตามหลังเหตุโจมตีนองเลือดในแคว้นแคชเมียร์ ฝั่งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอินเดีย
ปากีสถานตอบโต้ทางอากาศทันควัน โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทางอากาศที่ล้ำสมัยของจีน ผลลัพธ์ที่ดึงดูดใจจากทั่วโลกและก่อความกังวลเกี่ยวกับสมดุลแสนยานุภาพทางอากาศที่เปลี่ยนไปในภูมิภาคแถบนี้
(ที่มา:เอเจนซี/เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์)