สหรัฐฯจะต้องรับผิดชอบทางกฎหมายในกรณีที่อิสราเอลลงมือโจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน จากคำเตือนของอับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศของเตหะรานในวันพฤหัสบดี(22พ.ค.) หลังสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่าอิสราเอลอาจกำลังเตรียมการโจมตีอิหร่าน
อิหร่านและสหรัฐฯ พันธมิตรใกล้ชิดของอิสราเอล จะจัดเจรจานิวเคลียร์รอบที่ 5 ในกรุงโรม ในวันศุกร์(23พ.ค.) ท่ามกลางความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในอิหร่าน ที่ทางวอชิงตันแสดงความกังวลว่ามันอาจนำไปสู่การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่เตหะรานยืนกรานปฏิเสธว่าไม่มีเจตนาเช่นนั้น
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานเมื่อวันอังคาร(20พ.ค.) ระบุว่าข่าวกรองใหม่ที่สหรัฐฯได้มา บ่งชี้ว่าอิสราเอลกำลังดำเนินการเตรียมความพร้อมสำหรับโจมตีที่ตั้งนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าอิสราเอลได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารไปแล้วหรือไม่ และบอกว่าพวกเจ้าหน้าที่มีความเห็นแตกต่างกันออกไปในกรณีที่ว่า ท้ายที่สุดแล้วอิสราเอลจะตัดสินใจโจมตีหรือเปล่า
"อิหร่านขอเตือนอย่างแข็งกร้าวต่อการระทำใดๆของรัฐบอลไซออนิสต์แห่งอิสราเอล และจะตอบโต้อย่างหนักหน่งต่อภัยคุกคามใดๆหรือพฤติกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาลนี้" อารักชี ระบุในจดหมายที่จ่าหน้าถึง อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ
อารากชี กล่าวว่าอิหร่านจะมองวอชิงตันในฐานะ "ผู้มีส่วนร่วม" ในการโจมตีใดๆ และเตหะรานจะจำเป็นต้องใช้มาตการพิเศษเพื่อปกป้องที่ตั้งนิวเคลียร์และวัตถุนิวเคลียร์ ถ้าภัยคุกคามยังไม่หยุดลง และ ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ(ไอเออีเอ) จะได้รับแจ้งมาตรการต่างๆดังกล่าวในภายหลัง
แม้ อารากชี ไม่ได้เจาะจงว่ามาตรการใดที่กำลังอยู่ภายใต้การพิจารณา แต่ที่ปรึกษารายหนึ่งของผู้นำสูงสุดอิหร่าน เคยบอกเมื่อเดือนเมษายน ว่าเตหะรานจะระงับความร่วมมือกับไอเออีเอ หรือย้ายวัตถุนิวเคลียร์เสริมสมรรถนะไปยังที่ตำแหน่งที่ตั้งลับที่มีความปลอดภัย
ในถ้อยแถลงแยกกันที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี(22พ.ค.) กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน เตือนว่าอิสราเอลจะโดนตอบโต้แบบทำลายล้างและหนักหน่วง หากว่าโจมตีอิหร่าน "พวกเขาพยายามขู่เราด้วยสงคราม แต่พวกเขาคำนวณผิด เนื่องจากพวกเขาไม่ตระหนักว่ากองทัพและประชาชนที่ทรงพลัง ที่ค้ำยันสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้ จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ในสภาพแวดล้อมแห่งสงคราม" โฆษกกล่าว
การพังครืนของการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านหรือข้อตกลงนิวเคลียร์ใหม่ใดๆ จะโหมกระพือความกังวลของอิสราเอล เกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านผ่านการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม และมันอาจกระตุ้นให้อิสราเอลตัดสินใจลงมือโจมตีใส่คู่อริในภูมิภาคแห่งนี้ แหล่งข่าวด้านการทูตระบุ
ในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี(22พ.ค.) อารากชี ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ว่า ถ้าสหรัฐฯมีเป้าหมายคือการยุติการแปรรูปยูเรเนียม เมื่อนั้นก็จะไม่มีข้อตกลงนิวเคลียร์ใดๆ "พวกเขาบอกว่า "พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯบอกว่าพวกเขาไม่เชื่อถือการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในอิหร่าน และมันจำเป็นต้องหยุดยิงโดยสิ้นเชิง ถ้านี่คือเป้าหมายของพวกเขา ก็จะไม่มีข้อตกลงใดๆ"
รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านบอกต่อว่าแนวคิดเกี่ยวกับหุ้นส่วนเสริมสมรรถนะยูเรเนียม ภายใต้การมีส่วนร่วมกับประเทศอื่นๆ ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร แต่มันต้องไม่ใช่การเข้ามาแทนที่การเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในแผ่นดินอิหร่าน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร(20พ.ค.) อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน บอกว่าข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ขอให้เตหะรานหยุดเสริมสมรรถนะยูเรเนียมนั้น "เลยเถิดเกินไปและน่าโมโห" และแสดงความคลางแคลงใจว่าการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ใหม่จะประสบความสำเร็จหรือไม่
เตหะรานยืนกรานว่าโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขา เป็นโครงการพลังงานนิวเคลียร์โดยเฉพาะและมีจุดประสงค์ทางพลเรือนแต่เพียงอย่างเดียว ขณะที่ อารากชี บอกว่า อิหร่านมีศักยภาพในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ แต่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น
ทั้งนี้อิหร่านและอิสราเอลเคยยิงตอบโต้กันโดยตรงในเดือนเมษายนและตุลาคมปีที่แล้ว เพิ่มความเสี่ยงของความขัดแย้งระดับภูมิภาค
(ที่มา:รอยเตอร์)