เนทันยาฮูสั่งยกระดับการรักษาความปลอดภัยเจ้าหน้าที่การทูตของรัฐยิวในทั่วโลก หลังเหตุการณ์มือปืนที่ตะโกน “ปลดแอกปาเลสไตน์” ยิงเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหรัฐฯ 2 คน เสียชีวิตหน้าพิพิธภัณฑ์ยิวกลางกรุงวอชิงตัน ห่างจากทำเนียบขาวเพียง 2 กิโลเมตร ขณะที่อีกด้านหนึ่งนั้น นานาชาติรุมประณามกองทัพอิสราเอลที่ยิงไล่คณะนักการทูตของหลายชาติขณะกำลังตรวจเยี่ยมความเสียหายในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ โดยอ้างว่า เป็นการยิงเตือน
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แถลงเมื่อวันพฤหัสฯ (22 พ.ค.) ว่า ได้สั่งการให้ยกระดับการรักษาความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ทูตและเจ้าหน้าที่รัฐบาลอิสราเอลทั่วโลก เนื่องจากขณะนี้ได้เกิดกระแสต่อต้านยิวอย่างรุนแรง
คำแถลงนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อคืนวันพุธ (21) เกิดเหตุคนร้ายยิงเจ้าหน้าที่การทูตชาวอิสราเอล 2 คนเสียชีวิต บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์ชาวยิว ใจกลางกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานสังสรรค์เจ้าหน้าที่การทูตรุ่นใหม่ของอิสราเอล และอยู่ห่างจากทำเนียบขาวเพียง 2 กม.
พาเมลา สมิธ ผู้บัญชาการตำรวจกรุงวอชิงตัน แถลงว่า ผู้ต้องสงสัยคือ เอเลียส โรดริเกซ วัย 30 ปี จากชิคาโก ซึ่งเดินวนเวียนอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์ก่อนเดินเข้าหาคนกลุ่มหนึ่งและชักปืนพกออกมายิง และกระสุนถูกเหยื่อ 2 คนเสียชีวิต
ภาพจากวิดีโอที่โพสต์บนโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นผู้ต้องสงสัยที่ไว้หนวดเครา สวมแจ็คเก็ตและเสื้อเชิ้ตสีขาวตะโกนว่า “ปลดแอกปาเลสไตน์” ขณะถูกตำรวจควบคุมตัว
ดอน บองกิโน รองผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) เผยว่า ตำรวจและเอฟบีไอกำลังสอบปากคำผู้ต้องสงสัยรายนี้ ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นบ่งชี้ว่า เหตุการณ์นี้เป็นการก่อความรุนแรงแบบมีเป้าหมาย
กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลระบุว่า ผู้เสียชีวิตคือ ยารอน ลิสชินสกี้ ซึ่งเป็นชาวอิสราเอล และซาราห์ ลินน์ มิลกริม ที่เป็นคนอเมริกัน ทั้งสองเป็นคู่รักกันและมีแผนแต่งงานเร็วๆ นี้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประณามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการต่อต้านยิวอย่างชัดเจนซึ่งจะต้องยุติลงทันที ก่อนสำทับว่า อเมริกาไม่ต้อนรับการเกลียดชังและลัทธิสุดโต่ง
หลายประเทศ รวมถึงอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ต่างออกมาประณามเหตุการณ์รุนแรงนี้
กิเดียน ซาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล ระบุว่า เหตุการณ์ยิงเจ้าหน้าที่อิสราเอลครั้งนี้เป็นผลโดยตรงจากการยั่วยุปลุกปั่นให้ต่อต้านอิสราเอลและยิวทั่วโลก ซึ่งปะทุขึ้นหลังจากนักรบฮามาสบุกโจมตีตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2023 และเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกาซาที่ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน
ซาร์สำทับว่า การปลุกปั่นส่วนหนึ่งเป็นการดำเนินการของผู้นำและเจ้าหน้าที่ของหลายประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยุโรป
ขณะนี้อิสราเอลกำลังถูกกดดันทางการทูตอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากชาติยุโรป จากการปฏิบัติการทางทหารอย่างสุดโหดของกองทัพอิสราเอลในดินแดนฉนวนกาซา และสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายอย่างยิ่งในดินแดนดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่อิสราเอลปิดกั้นการจัดส่งความช่วยเหลือให้แก่ชาวปาเลสไตน์ราว 2 ล้านคนในกาซาเป็นเวลา 2 เดือน
อย่างไรก็ดี เมื่อวันพุธ สหประชาชาติ เผยว่า ได้ส่งรถบรรทุก 90 คันนำสิ่งบรรเทาทุกข์เข้าสู่กาซา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับจากต้นเดือนมีนาคม หลังจากที่เมื่อวันอาทิตย์ (18) อิสราเอลประกาศว่า จะอนุญาตให้จัดส่งความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาแบบจำกัด
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น ทหารอิสราเอล “ยิงเตือน” ใกล้บริเวณที่คณะนักการทูตต่างชาติกำลังสำรวจความเสียหายจากการที่กองทหารอิสราเอลบุกโจมตีเมืองเจนิน ซึ่งตั้งในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ โดยกองทัพอิสราเอลอ้างว่า คณะเจ้าหน้าที่ดังกล่าวออกนอกเส้นทางที่อนุญาตและเข้าสู่พื้นที่ต้องห้าม พร้อมขอโทษที่ทำให้เกิดความไม่สะดวก
ทว่า สตีเฟน ดูจาร์ริก โฆษกของอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็น แถลงประณามว่า การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และนักการทูตไม่ควรถูกยิงหรือถูกโจมตีไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่
หลายประเทศที่มีตัวแทนอยู่ในคณะเจ้าหน้าที่ดังกล่าวต่างไม่พอใจกับเหตุการณ์นี้
คาจา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เรียกร้องให้อิสราเอลสอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบในเหตุการณ์ดังกล่าว
เบลเยียม แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สเปน และอุรุกวัย เรียกเอกอัครราชทูตอิสราเอลเข้าพบหรือประกาศว่า จะร้องเรียนเรื่องนี้กับอิสราเอลโดยตรง
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)