เจนเซ่น หวง (Jensen Huang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Nvidia ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ ระบุวันนี้ (21 พ.ค.) ว่านโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดที่แล้วที่มุ่งจำกัดการส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์ไปยังจีนถือเป็น “ความล้มเหลว” เพราะทำให้บริษัทอเมริกันต้องสูญเสียรายได้นับพันๆ ล้านดอลลาร์จากยอดขายที่ลดลง
ข้อวิจารณ์ของ หวง พุ่งเป้าไปที่กฎระเบียบซึ่งออกในยุคของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งมีการแบ่งประเทศต่างๆ ออกเป็น 3 กลุ่ม โดยจีนนั้นจัดอยู่ในกลุ่มที่ถูกกีดกันการส่งออกโดยสิ้นเชิง ทว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศแล้วว่าจะเข้ามาปรับแก้กฎเกณฑ์เหล่านี้
“มาตรการควบคุมส่งออกคือความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง” หวง กล่าว “สมมติฐานที่นำไปสู่การออกกฎการแพร่กระจายเอไอตั้งแต่เริ่มแรกได้ถูกพิสูจน์แล้วว่ามีปัญหา”
การที่สหรัฐฯ ห้ามส่งออกชิปเอไอระดับก้าวหน้าไปยังจีนเป็นการบีบให้บริษัทจีนต้องหันไปซื้อเซมิคอนดักเตอร์จากผู้ผลิตในแดนมังกรเองอย่างหัวเว่ย (Huawei) และยังเป็นตัวกระตุ้นให้จีนเพิ่มเม็ดเงินลงทุนอย่างมหาศาลเพื่อพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่ไม่ต้องพึ่งพาผู้ผลิตจากนอกประเทศ
ซีอีโอ Nvidia ชี้ว่า ต่อให้สหรัฐฯ ใช้กีดกันมากขนาดไหน แต่งานวิจัยก็ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาลเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเอไอที่จำเป็นขึ้นมา
ระหว่างการแถลงข่าวที่งาน Computex 2025 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงไทเปของไต้หวัน หวง กล่าวชื่นชมแนวทางของ ทรัมป์ ในด้านเอไอ และย้ำว่าการลดข้อจำกัดต่างๆ ลงสะท้อนให้เห็นว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าใจว่าบริษัทอเมริกันไม่สามารถผูกขาดเทคโนโลยีประเภทนี้เอาไว้แต่เพียงผู้เดียว
“ประธานาธิบดี ทรัมป์ ตระหนักแล้วว่า มันคือเป้าหมายที่ผิดพลาด” เขากล่าว
นับตั้งแต่ โจ ไบเดน เริ่มเข้ามาเป็นผู้นำสหรัฐฯ ส่วนแบ่งตลาดของ Nvidia ในจีนลดลงจาก 95% เหลือเพียง 50% ตามข้อมูลจาก หวง
เจ้าหน้าที่รัฐบาล ทรัมป์ กำลังพิจารณาว่าจะยกเลิกการแบ่งประเทศต่างๆ ออกเป็น 3 กลุ่ม และทดแทนด้วยระบบใบอนุญาตสากลตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล ซึ่งจะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับสหรัฐฯ ในการเจรจาการค้า
หวง เผยด้วยว่า นักวิจัยด้านเอไอมากกว่า “ครึ่งหนึ่ง” ของโลกปฏิบัติงานอยู่ที่จีน และการที่สหรัฐฯ ควบคุมการส่งออกชิปเอไอก็ทำให้พวกเขาต้องหันไปพึ่งพาเทคโนโลยีของจีนกันมากขึ้น
“การแข่งขันที่เราเผชิญในจีนนับว่ารุนแรงมาก” หวง กล่าว “หากเราไม่สามารถกลับเข้าไปในจีนได้อีก พวกเขาก็จะยิ่งชอบใจ”
หวง ประเมินว่า ตลาดเอไอในจีนจะมีมูลค่าพุ่งสูงไปถึง 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีหน้า และถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญสำหรับ Nvidia
Nvidia แถลงเมื่อเดือน เม.ย. ว่าบริษัทจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายประมาณ 5,500 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่รัฐบาล ทรัมป์ มีคำสั่งจำกัดการส่งออกชิปเอไอ H20 ไปยังจีน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่สำหรับชิปยอดนิยมรุ่นนี้
ล่าสุดเมื่อต้นสัปดาห์นี้ หวง ประเมินว่ามาตรการห้ามส่งออกชิป H20 อาจจะทำให้ Nvidia สูญเสียรายได้มากถึง 15,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าว 2 คนให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า Nvidia กำลังปรับแต่งชิปเอไอ Blackwell เวอร์ชั่นใหม่ที่จะลดความเร็วในการประมวลผลลงเพื่อให้สอดรับกับข้อจำกัดของสหรัฐฯ
เมื่อปี 2022 รัฐบาล ไบเดน ได้ห้ามบริษัทอเมริกันส่งออกไมโครชิประดับก้าวหน้า รวมถึงเครื่องมือในการผลิตชิปขั้นสูงให้กับจีนอย่างสิ้นเชิง โดยหวังที่จะเตะถ่วงการพัฒนาในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และแสนยานุภาพของกองทัพจีน โดยหลังจากที่ข้อจำกัดดังกล่าวถูกประกาศออกมา Nvidia ก็ได้เริ่มออกแบบชิปอย่าง H20 ซึ่งมีพลังประมวลผลพลดลงมาเพื่อให้ผ่านเกณฑ์การส่งออกของสหรัฐฯ
เมื่อวันจันทร์ (19) รัฐบาลจีนได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ “แก้ไขการกระทำที่ผิดพลาดทันที” และหยุดใช้มาตรการ “เลือกปฏิบัติ” หลังจากที่สหรัฐฯ มีการออกคำเตือนไปยังบริษัทต่างๆ ไม่ให้ใช้ชิปประมวลผลระดับก้าวหน้าจากจีน รวมถึงชิปเอไอ Ascend จากค่ายหัวเว่ย
กระทรวงพาณิชย์จีนชี้ว่า การกระทำของสหรัฐฯ เข้าข่ายละเมิดฉันทามติในการเจรจาการค้าระดับสูงทวิภาคีที่นครเจนีวา และจีนจะมีมาตรการตอบโต้อย่างจริงจัง หากสหรัฐฯ ยังคงพยายามบ่อนทำลายผลประโยชน์ของจีนต่อไป
ที่มา: รอยเตอร์