อิสราเอลแถลงในวันจันทร์ (19 พ.ค.) ว่าจะ “เข้าควบคุม” ฉนวนกาซาทั้งหมด ขณะเพิ่มการโจมตีอย่างดุเดือดรุนแรงตลอดทั่วดินแดนของชาวปาเลสไตน์แห่งนี้ ซึ่งถูกรัฐยิวปิดล้อมไม่ให้ความช่วยเหลือเข้าไปเป็นเวลากว่า 2 เดือน จนหน่วยงานยูเอ็นเตือนภัยว่าประชากร 2 ล้านคนของที่นั่นกำลังเผชิญภาวะอดยาก และกระทั่งพวกประเทศตะวันตกยังทนไม่ไหวข่มขู่จะใช้มาตรการแซงก์ชั่น จึงทำให้อิสราเอลเริ่มยอมแง้มช่องเล็กๆ ให้ความช่วยเหลือไหลซึมซ่านเข้าไป
ในสภาพที่การขนส่งข้าวของต่างๆ เข้าสู่กาซา ถูกอิสราเอลขัดขวางปิดกั้นมาตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลกแถลงเตือนว่า “ผู้คน 2 ล้านคนของดินแดนแห่งนี้กำลังอยู่ในภาวะอดตาย”
อิสราเอล ซึ่งกำลังเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนักหน่วงขึ้นทุกทีจากการก่อวิกฤตทางมนุษยธรรมอย่างร้ายแรงคราวนี้ ได้ประกาศว่าจะยอมปล่อยให้ความช่วยเหลือในปริมาณจำกัดเข้าสู่กาซา และระบุว่ารถบรรทุก 5 คันแรกที่บรรทุกข้าวของต่างๆ “รวมทั้งอาหารสำหรับทารก” ได้เข้าไปแล้วในวันจันทร์ (19)
ทอม เฟลตเชอร์ ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายกิจการมนุษยธรรม และผู้ประสานงานการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่งว่า มีรถบรรทุกจำนวน 9 คัน “ได้รับการเคลียร์ให้เข้าไปแล้ว ... ทว่ามันคือหยดน้ำหยดเดียวในมหาสมุทรของสิ่งที่กำลังเป็นที่ต้องการอย่างเร่งด่วน”
ขณะที่โฆษกสหประชาชาติ สเตฟาเน ดูจาร์ริก ซึ่งบอกว่าไม่สามารถยืนยันตัวเลขจำนวนรถบรรทุกที่เข้าไปในกาซาแล้ว บอกว่า ยังคงไม่มีความช่วยเหลือใดๆ ได้รับการแจกจ่าย ณ พื้นที่ซึ่งกำหนดเอาไว้ เนื่องจากเวลาในขณะนั้นเป็น “ตอนมืดแล้ว” และเพราะความกังวลด้านความมั่นคงปลอดภัย ทางยูเอ็นจึงยังไม่สวมารถปฏิบัติการได้ในเงื่อนไขดังกล่าว
ด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล แถลงว่ายินยอมให้ความช่วยเหลือกลับเข้าไปในกาซา เพราะ “ภาพต่างๆ ของผู้คนจำนวนมากที่อดอยาก” อาจสร้างความเสียหายให้แก่ความถูกต้องชอบธรรมของความพยายามในการทำสงครามของอิสราเอล
ก่อนหน้านั้น พวกผู้นำของชาติตะวันตกรายสำคัญๆ ได้แก่ สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, และแคนดา ได้ออกคำแถลงประณามที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงต่อวิธีการดำเนินสงครามของอิสราเอล โดยวิพากษ์วิจารณ์ถึง “พฤติการณ์ชั่วร้ายเลวทราม” ของอิสราเอลในกาซา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดการรุกที่ขยายออกไปเรื่อยๆ และการรื้อฟื้นการให้ความช่วยเหลือซึ่ง “ไม่มีความเหมาะสมเพียงพอโดยสิ้นเชิง”
พวกเขาเตือนว่าจะดำเนิน “ปฏิบัตการต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม” ถ้าหากอิสราเอลไม่ยอมผ่อนเพลาการรุกที่ยกระดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของตน เนทันยาฮู ได้เรียกคำแถลงร่วมของ 3 ชาติตะวันตกฉบับนี้ว่า เป็น “รางวัลใหญ่มหึมา” สำหรับพวกฮามาส
ก่อนหน้านี้ กลุ่ม 22 ประเทศที่ประกอบด้วยฝรั่งเศส, สหราชอาณาจักร, แคนาดา, ญี่ปุ่น, และออสเตรเลีย เป็นต้น ก็ได้ออกคำแถลงร่วมระบุว่าประชากรของกาซา กำลัง “เผชิญกับการอดตาย” และ “ต้องได้รับความช่วยเหลือที่พวกเขากำลังจำเป็นต้องการอย่างเลวร้ายยิ่ง”
การทำลายล้างที่กระทำอย่างเป็นระบบเป็นขั้นตอน
ในบริเวณตอนใต้ของฉนวนกาซา ฝ่ายทหารอิสราเอลได้ออกคำสั่งให้ชาวปาเลสไตน์ที่อยู่รอบๆ เมืองข่านยูนิส ต้องอพยพออกไป ก่อนที่กองทัพรัฐยิวจะกระทำสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “การโจมตีอย่างชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
สำนักงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของกาซา แถลงว่า เฉพาะในวันจันทร์ (19) มีผู้คน 91 คนถูกสังหารเสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลใส่ดินแดนแห่งนี้
ขณะที่ เนทันยาฮูกล่าวในคลิปวิดีโอซึ่งโพสต์ทางช่องเทเลแกรม บอกว่า “การสู้รบกำลังดุเดือดรุนแรง และเรากำลังรุกคืบหน้า” พร้อมกับย้ำว่า “เราจะเข้าควบคุมดินแดนทั้งหมดของฉนวนแห่งนี้”
ด้านฝ่ายทหารอิสราเอลอวดในวันจันทร์ว่า ได้โจมตี “เป้าหมายผู้ก่อการร้าย 160 เป้าหมายในกาซา ในช่วงวันที่ผ่านมา
ขณะที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฝ่ายสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น กล่าวว่าพฤติการณ์ของอิสราเอล เป็น “การท้าทายกฎหมายระหว่างประเทศและเท่ากับเป็นการล้างเผ่าพันธุ์”
เนทันยาฮู บอกว่า อิสราเอล “จะไม่ยอมยุติ แต่เพื่อที่จะประสบความสำเร็จ เราต้องปฏิบัติการในวิถีทางที่ไม่มีใครจะสามารถยับยั้งได้” เขาพูดเช่นนี้ในการอธิบายให้เหตุผลความชอบธรรมแก่พวกผู้สนับสนุนที่เป็นพวกแข็งกร้าวของเขา ว่าทำไมเขาจึงต้องตัดสินใจให้จัดส่งความช่วยเหลือเข้ากาซาได้ใหม่
ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะอดอยาก
อิสราเอลอ้างว่าการปิดล้อมกาซามีจุดมุ่งหมายเพื่อบังคับให้พวกฮามาสยอมอ่อนข้อ ทว่าหน่วยงานต่างๆ ของยูเอ็นบอกว่า กาซากำลังอยู่ในภาวะขาดแคลนระดับวิกฤตทั้งในเรื่องอาหาร, น้ำสะอาด, น้ำมันเชื้อเพลิง, และยา
“อาหารเป็นตันๆ ถูกสกัดกั้นเอาไว้ที่บริเวณชายแดน ห่างออกไปเพียงไม่กี่นาที” ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เทดรอส อัดฮานอม เกรเบรเยซุส กล่าว
“ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะอดอยากขึ้นในกาซา กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากการจงใจกักความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมเอาไว้”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญของเนทันยาฮู ออกมากล่ายอมรับว่า มี “ผู้คนจำนวนมากกำลังอดตาย”
รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ อิตามาร์ เบน กวีร์ ของอิสราเอล ที่เป็นพวกแนวความคิดขวาจัด โต้แย้งคัดค้านการกลับเปิดทางให้ความช่วยเหลือเข้าไปในกาซาอีก โดยกล่าวทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า “พวกของเราที่ตกเป็นตัวประกันก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมใดๆ”
แต่รัฐมนตรีคลัง เบซาเลต สมอตริช ซึ่งก็เป็นพวกขวาจัดเช่นกัน ออกมาแถลงปกป้องการตัดสินใจปล่อยให้ความช่วยเหลือกลับเข้ากาซา โดยบอกว่าจะต้อง “อนุญาตให้พลเรือนได้กิน และพวกเพื่อนมิตรของเราในโลกจะได้ให้การพิทักษ์คุ้มครองเราในทางการทูตต่อไป”