จีนลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลงในเดือนมีนาคม ตั้งแต่ก่อนหน้าสงครามรีดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้สหราชอาณาจักรก้าวขึ้นมาแทนที่ในอันดับ 2 ของต่างชาติที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯมากที่สุด
ในเดือนดังกล่าว ซึ่งเป็นเดือนก่อนหน้าทรัมป์เปิดฉากศึกรีดภาษีที่ก่อความปั่นป่วนแก่ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯในเดือนเมษายน พบว่าบรรดาต่างชาติเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยรวมแล้วต่างชาติถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 233,100 ล้านดอลลาร์ ในเดือนมีนาคม สู่ระดับ 9.05 ล้านล้านดอลลาร์ อ้างอิงจากตัวเลขของกระทรวงการคลังอเมริกาที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์(16พ.ค.) ผิดกับจีนที่ลดการถือครองลง
ที่ผ่านมา จีน คือผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯรายใหญ่ที่สุด ก่อนถูกญี่ปุ่นแซงหน้าในปี 2019 และข้อมูลล่าสุดนี้พบว่าสหราชอาณาจักร ได้แซงหน้า จีน เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ทศวรรษ ในอันดับ 2 ชาติที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯมากที่สุดในโลก
ในภาพรวมของข้อมูลที่เผยแพร่ในวันศุกร์(16พ.ค.) บ่งชี้ว่าจนถึงเดือนมีนาคม ยังไม่มีการเอาใจออกห่างจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จนกระทั่ง ทรัมป์ เปิดฉากมาตรการรีดภาษีกำหนดเล่นงานสินค้านำเข้าจากนานาชาติในช่วงต้นเดือนเมษายน
อุปสงค์ของต่างชาติกลายมาเป็นประเด็นถกเถียงกันในตลาดพันธบัตร นับตั้งแต่ ทรัมป์ ยกระดับยุทธการขึ้นภาษีเชิงรุก และกล่าวหาบรรดาคู่หูทางการค้าของสหรัฐฯซ้ำๆว่ากำลังฉีกประเทศของเขาเป็นชิ้นๆ ในวันที่ 2 เมษายน เขาประกาศ "วันปลดปล่อย" รีดภาษีทั่วโลก โดหมกระพือแรงเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เช่นเดียวกับดอลลาร์และตลาดหุ้นสหรฐฯ ในช่วงระหว่างเดือนดังกล่าว
แบรด เซ็ตเซอร์ อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งเวลานี้เป็นสาชิกสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ มองว่าการปรับเปลี่ยนของจีนเป็นความเคลื่อนไหวลดระยะเวลาการถือครอง ไม่ใช่การตีตัวออกห่างจากดอลลาร์อย่างแท้จริง
จนถึงเดือนมีนาคม ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร, แคนาดาและเบลเยียม เป็นหนึ่งในบรรดาประเทศที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเพิ่มขึ้น โดยสหราชอาณาจักร ถือครองเพิ่มขึ้นเป็น 779,300 ล้านดอลลาร์ แซงหน้า จีน ที่มีอยู่ 765,400 ล้านดอลลาร์ การลดถือครองของจีน สะท้อนถึงการเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะยาว 27,600 ล้านดอลลาร์
ญี่ปุ่น ถือครองเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนมีนาคม สู่ระดับ 1.13 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนแคนาดา เพิ่มขึ้น 20,100 ล้านดอลลาร์ เป็น 426,200 ล้านดอลลาร์
ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าลดลงเมื่อเร็วๆนี้ ตามหลังการพบปะกันระหว่างพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและเจ้าหน้าที่จีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่นำไปสู่การปรับลดเพดานภาษีระหว่าง 2 ชาติ หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน รัฐบาลทรัมป์แถลงแถลงข้อตกลงการค้ากับสหราชอาณาจักร
(ที่มา:อีโคโนมิคไทม์ส)