กบฏฮูตียิงเข้าใส่เครื่องบินรบ F-35 ลำหนึ่งของกองทัพสหรัฐฯ ระหว่างปฏิบัติภารกิจเมื่อเร็วๆนี้ และขีปนาวุธลูกดังกล่าวเฉียดใกล้พอที่ะกระตุ้นให้นักบินถึงขั้นต้องบินหลบหลีกทั้งที่เป็นเครื่องบินล่องหน ในเหตุการณ์ที่ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่อเมริกา และก่อคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อของเครื่องบินรบล้ำสมัยราคาแพงรุ่นนี้
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส เป็นสื่อมวลชนแห่งแรกที่รายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ส่วนหนึ่งในบทความที่พวกเขาตั้งคำถามว่าทำไมประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถึงตัดสินใจยุติปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและยิงขีปนาวุธ เข้าใส่พวกฮูตีในเยเมน เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
เบื้องต้นยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าเครื่องบิน F-35 ลำดังกล่าวของสหรัฐฯ เฉียดใกล้ถูกเล่นงานโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศของฮูตีมากแค่ไหน ในเหตุการณ์ซึ่งไม่ชัดเจนว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่มันประจวบเหมาะกับที่ ทรัมป์ แถลงหยุดทิ้งบอมบ์ถล่มพวกฮูตี โดยอ้างว่าพวกนักรบที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านกลุ่มนี้ ยอมตกลงหยุดโจมตีก่อความปั่นป่วนในทะเลแดง เส้นทางการขนส่งสินค้าสำคัญในตะวันออกกลาง
แดน กราเซียร์ ผู้อำนวยการโครการปฏิรูปความมั่นคงแห่งชาติ ณ สถาบันวิจัยสติมสัน เซ็นเตอร์ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ให้ความเห็นว่า มันจะกลายเป็นหายนะ หากว่ากองทัพอเมริกาสูญเสีย F-35 หนึ่งในเครื่องบินล้ำสมัยที่สุดและแพงที่สุดของพวกเขา โดยฝีมือของพวกฮูตี
"นี่คือเหตุผลที่ต้องตั้งคำถามว่า ทำไมประชาชนชาวอเมริกาถึงต้องเสียสละเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ให้แก่โครงการนี้ที่อวดอ้างว่าจะเป็นเครื่องบินขับไล่แห่งอนาคต" กราเซียร์กล่าว "มันควรจะสามารถต่อกรกับภัยคุกคามต่างๆนานาที่นั่น เจาะทะลวงน่านฟ้าที่มีการป้องกันอย่างหนาแน่น แต่หากว่ามีลำหนึ่งถูกสอยร่วงโดยตัวละครหนึ่งซึ่งไม่ใช่ในระดับรัฐ คำอวดอ้างทั้งหมดเกี่ยวกับศักยภาพอันมหัศจรรย์ของ F-35 ก็จะกลายเป็นเรื่องโกหก"
กราเซียร์ บอกต่อว่าแม้ถูกส่งเข้าประจำการมานานแล้วปีแล้ว แต่ศักยภาพในการสู้รบของ F-35 ยังคงมีอย่างจำกัด และเครื่องบินรุ่นนี้ยังจำเป็นต้องอัพเดทซอฟต์แวร์และพลังงานประมวลผลของคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้งานอาวุธทั้งหมดของมัน ทว่ากระบวนการชี้อาจใช้เวลานาน จนกระทั่งสิ้นสุดทศวรรษนี้เลยทีเดียว
เขากล่าวว่า "สืบเนื่องจากสถานะปัจจุบันของ F-35 มันจึงแทบไม่น่าประหลาดใจเลย และไม่เป็นเรื่องช็อคใดๆ ที่ฮูตีสามารถเล็งเป้าเล่นงานเครื่องบินรุ่นนี้ ถ้ามันไม่สามารถรอดพ้นจากระดับการสู้รบแค่นี้ มันจึงสมเหตุสมผลแล้วที่ต้องตั้งคำถามว่ามันจะสามารถอยู่รอดจากการสู้รบที่หนักหน่วงกว่านี้ได้หรือไม่ ทั้งที่ประชาชนชาวอเมริกาจ่ายเงินมหาศาล สำหรับออกแบบและสร้าง F-35"
เป็นเวลานานกว่า 2 ทศรรษ ที่ต้นทุนโครงการ F-35 เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ท่ามกลางปัญหาล่าช้าต่างๆนานามากมาย ทั้งนี้จนถึงฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว กองทัพสหรัฐฯมีฝูงบิน F-35 จำนวนราวๆ 630 ลำ
F-35A ที่ใช้งานโดยกองทัพอากาศสหรัฐฯ มีต้นทุนอยู่ที่ 82.5 ล้านดอลลาร์(ราว 2,700 ล้านบาท) ต่อลำ ส่วน F-35B ที่ใช้งานโดยนาวิกโยธินอเมริกา ที่เทคออฟสั้นกว่าและเป็นเครื่องบินลงจอดแนวตั้ง มีต้นทุน 109 ล้านดอลลาร์(ราว 3,600 ล้านบาท) ต่อลำ ขณะที่ F-35C ที่ใช้งานโดยกองทัพเรือและนาวิกโยธิน สำหรับปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบิน มีต้นทุน 102.1 ล้านดอลลาร์(ราว 3,400 ล้านบาท) ต่อลำ
โดยรวมของโครงการ F-35 คาดหมายว่าจะใช้ต้นทุนราว 2.1 ล้านล้านดอลลาร์(ราว 70 ล้านล้านบาท) ระหว่างช่วงอายุขัย 94 ปี ตั้งแต่ปี 1994 ถึง 2088 และในนั้นรวมถึงต้นทุนในการพัฒนา ผลิตและสนับสนุน F-35 ที่รวมถึงการสร้างและปรับปรุงเครื่องบินรุ่นนี้ 2,456 ลำ ภายในปี 2049
(ที่มา:taskandpurpose/urasiantimes)