เอเอฟพี/MGRออนไลน์ – ปักกิ่งแถลงวันนี้(15 พ.ค)พร้อมที่จะขยายความร่วมกองทัพรัสเซียหลังประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง เยือนกรุงมอสโกอย่างเป็นทางการในวันฉลองชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ 2
เอเอฟพีรายงานวันพฤหัสบดี(15 พ.ค)ว่า ปักกิ่งแถลงในวันพฤหัสบดี(15)ว่า พร้อมที่จะขยายความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมกับ “กองทัพรัสเซีย”
เกิดขึ้นหลังการเยือนกรุงมอสโกเมื่อไม่นานมานี้ในพิธีสวนสนามวันแห่งชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันที่ 9 พ.คที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง เข้าร่วมยังมีประธานาธิบดีบราซิล ลูอิซ อิกนาชิโอ ลูลา ดา ซิลวา (Luiz Inácio Lula da Silva) แต่ไร้เงาบรรดาผู้นำชาติตะวันตกชั้นนำ
เอเอฟพีรายงานว่า รัสเซียและจีนมีความใกล้ชิดมากขึ้นในไม่กี่ปีที่ผ่านมารวมถึงนับตั้งแต่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกยึดยูเครนเมื่อต้นปี 2022
การเดินทางเข้ารัสเซียสัปดาห์ที่ของประธานาธิบดีสร้างความโกรธให้กับพันธมิตรเคียฟที่ต่างกล่าวหาปักกิ่งช่วยรัสเซียทางเศรษฐกิจและการเมืองเพื่อต่อลมหายใจให้กับการทำสงครามที่ยืดเยื้อในยูเครน
อย่างไรก็ตามฉากหน้าต่อสาธารณะปักกิ่งประกาศตัวเป็นกลางในความขัดแย้งพร้อมเสนอโร๊ดแม็ปสันติภาพยูเครน
ทั้งนี้ในการตอบข้อซักถามในวันพฤหัสบดี(15)ต่อคำถามว่าปักกิ่งจะสนับสนุนความสัมพันธ์ทางด้านการทหารกับรัสเซียอย่างไรพบว่ากระทรวงกลาโหมจีนแถลตอบว่า “ความสัมพันธ์กำลังปฎิบัติในระดับสูง”
โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน เจียน ปิง (Jiang Bin) แถลงผ่านแพลตฟอร์ม WeChat ว่า “กองทัพจีนอยู่ในความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับฝ่ายรัสเซียในการทำให้ความมั่นใจร่วมเชิงยุทธศาสตร์มีความลึกซึ้งมากขึ้น เพิ่มการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ และขยายความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม”
ในแถลงการณ์กล่าวต่อว่า ความเคลื่อนไหวจะเพิ่มความเข้มข้นของการเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตรอย่างครอบคลุมของจีน-รัสเซียของการประสานเพื่อศักราชใหม่”
โฆษกกระทรวงกลาโหมจีนอ้างว่า สิ่งเหล่านี้จะอำนวยผลต่อการรักษาและสร้างความแข็งแกร่งเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์โลก
เอเอฟพีรายงานว่า หลังการประชุมที่ยาวนานร่วมกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ระหว่างการเยือนกรุงมอสโก ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า ความสัมพันธ์จีนกับรัสเซียนำพลังที่สร้างสรรค์ต่อสถานการณ์โลกที่ผกผัน
เขากล่าวต่อว่า ทั้งจีนและรัสเซียยืนยันอย่างหนักแน่นต่อต้านการรังแกโดยรัฐที่มีอำนาจครอบงำเหนือชาติอื่นที่หมายความไปถึง “สหรัฐฯ”
ขณะที่ฝ่ายรัสเซีย ประธานาธิบดีปูตินแถลงต่อนักข่าวว่า เขาและสีมีความสัมพันธ์ตามธรรมเนียมที่อบอุ่น เป็นมิตรในการหารือ และเขาเรียกประธานาธิบดีสีอย่างรักใคร่ว่า “เพื่อนรัก” หรือ “dear friend”