ประชากรทั่วโลกมีมุมมองเชิงบวกต่อสหรัฐฯ ลดลงตลอด 1 ปีที่ผ่านมา และตกต่ำยิ่งกว่า “จีน” ในเวลานี้ ตามผลการศึกษามุมมองด้านประชาธิปไตยประจำปีที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (12 พ.ค.)
ดัชนีการรับรู้ประชาธิปไตย (Democracy Perception Index – DPI) ซึ่งจัดทำโดยองค์กรไม่แสวงผลกำไร Alliance of Democracies Foundation ไม่ได้ให้รายละเอียดลงลึกถึงหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ แต่ทางมูลนิธิยืนยันว่า จุดประสงค์ในการทำวิจัยก็เพื่อปกป้องและยกระดับค่านิยมประชาธิปไตย
เมื่อสื่อมวลชนถามว่า เหตุใดมุมมองที่มีต่อสหรัฐฯ จึงย่ำแย่ลง? อันเดอร์ส ฟ็อกห์ ราสมุสเซน อดีตเลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งองค์กร Alliance ให้คำตอบว่า “ประธานาธิบดี ทรัมป์ เข้ามาเปิดสงครามการค้า ด่าทอประธานาธิบดียูเครนกลางห้องทำงานรูปไข่ ทอดทิ้งพันธมิตรให้รู้สึกสิ้นหวัง ในขณะที่ทำให้ศัตรูฮึกเหิมขึ้น”
“ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่มุมมองต่อสหรัฐฯ จะแย่ลง แม้แต่ในกลุ่มคนแบบผมที่เคยชื่นชมสหรัฐและสิ่งที่สหรัฐฯ ยืนหยัดปกป้องมาตลอดทั้งชีวิต”
ทรัมป์ ประกาศว่าตัวเขาต้องการผลักดันข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน และเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (8 พ.ค.) ก็เรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไขเป็นเวลา 30 วัน
เขายังอ้างว่าการรีดภาษีตอบโต้คู่ค้าทั่วโลกนั้นก็เพื่อปกป้องเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากเงื่อนไขการค้าที่ไม่เป็นธรรม
ผลสำรวจ DPI ซึ่งจัดทำระหว่างวันที่ 9-23 เม.ย. ที่ผ่านมาโดยสถาบันโพล Nira Data เป็นการสรุปจากมุมมองของผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 111,000 คนทั่วโลก
ผลการศึกษาพบว่า มุมมองต่อ ทรัมป์ นั้น “เป็นลบ” ใน 82 จากทั้งหมด 100 ประเทศที่ทำการสำรวจ ซึ่งถือว่ามากยิ่งกว่าประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ซึ่งถูกมองแง่ลบใน 61 ประเทศ และ 44 ประเทศ ตามลำดับ
ผลสำรวจนี้ยังมีการจัดอันดับมุมมองต่อประเทศต่างๆ ตั้งแต่ -100% ขึ้นไปจนถึง +100%
คะแนนการรับรู้สุทธิ (net perception rating) สำหรับสหรัฐอเมริกาลดลงไปอยู่ที่ -5% จากสถิติ +22% ในปีที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่ามีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากขึ้นที่มองสหรัฐฯ ในแง่ลบ เมื่อเทียบกับผู้ที่มองเป็นบวก
สัดส่วนประเทศที่มองสหรัฐฯ ในเชิงบวกก็ลดลงจากสถิติ 76% ในปีที่แล้วลงมาอยู่ที่ 45% ในปีนี้
สำหรับจีน คะแนนการรับรู้สุทธิเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ +14% จากระดับ +5% ในปีที่ผ่านมา
ผลการศึกษานี้ถูกเผยแพร่ก่อนการประชุมสุดยอดประชาธิปไตยโคเปนเฮเกน (Copenhagen Democracy Summit) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 พ.ค. นี้
ที่มา: รอยเตอร์