กระทรวงกลาโหมปากีสถานในวันเสาร(10พ.ค.) รุดออกมาชี้แจง ไม่มีกำหนดการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางทหารและองค์กรพลเรือนที่ดูแลคลังแสงนิวเคลียร์นิวเคลียร์ของประเทศ หลังมีข่าวลือว่าพวกเขามีแผนหารือพิจารณาทางเลือกเกี่ยวกับอาวุธอานุภาพร้ายแรงดังกล่าว ท่ามกลางสถานการณ์การสู้รบกับอินเดีย ที่ยกระดับรุนแรงที่รุนในรอบเกือบ 30 ปี
คำปฏิเสธของกระทรวงกลาโหมมีขึ้น แม้ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวอ้างกองทัพปากีสถาน เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีเชห์บาซ ชารีฟ ได้เรียกประชุมฉุกเฉินหน่วยบัญชาการยุทธศาสตร์แห่งชาติ เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางตอบโต้ที่เป็นไปได้ซึ่งเกี่ยวข้องกับขีปนาวุธและขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ของประเทศ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับอินเดีย
การสู้รบระหว่าง 2 ชาติคู่อริติดอาวุธนิวเคลียร์ ครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี1999 ได้สังหารผู้คนในทั้ง 2 ฝ่ายไปแล้วหลายสิบราย และนำมาซึ่งเสียงเรียกร้องซ้ำๆให้ลดสถานการณ์ความตึงเครียด จาสหรัฐฯและบรรดาสมาชิกกลุ่มจี7
"สิ่งที่พวกคุณพูดกันคือการมีอยู่ของทางเลือกทางนิวเคลียร์ แต่อย่าพูดถึงมันเลย มันควรเป็นสิ่งที่เราต้องอยู่ให้ห่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เราไม่ควรแม้แต่จะหยิบยกมันมาพูดคุยในบริบทปัจจุบัน" คาวาจา อาซีฟ รัฐมนตรีกลาโหมปากีสถานกล่าวกับสื่อท้องถิ่น "ก่อนที่เราจะไปถึงจุดนั้น ผมคิดว่าอุณหภูมิความเดือดดาลจะลดลง ไม่มีการประชุมหน่วยบัญชาการยุทธศาสตร์แห่งชาติ หรือมีกำหนดการประชุมดังกล่าวใดๆ"
อย่างไรก็ตามสื่อมวลชนท้องถิ่นคาดเดาว่า การที่ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ต่อสายหานายพลอาซิม มูนีร์ ผู้บัญชาการกองทัพปากีสถานและ ไอซัก ดาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศ คือเหตุผลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแผนครั้งนี้ ขณะที่แหล่งข่าวรัฐบาลเชื่อว่ามันอาจเป็นเพียงแค่พยายามข่มขู่อินเดีย ให้ระงับปฏิบัติการโจมตีปากีสถาน แต่กระนั้นดูแล้วมันไม่น่าจะได้ผล
ระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้บัญชาการกองทัพและรัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถาน ทาง รูบิโอ เรียกร้องทั้ง 2 ฝ่ายลดความเครียดและรื้อฟื้นการติดต่อการสื่อสารโดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงการคำนวณพลาด
ข่าวลือเกี่ยวกับการเรียกประชุมฉุกเฉินหน่วยบัญชาการยุทธศาสตร์แห่งชาติ มีขึ้นหลังจากรัฐมนตรีกลาโหมปากีสถาน เคยส่งเสียงเตือนมีความเสี่ยงอย่างแท้ทริงต่อการทำ "ศึกสงครามนิวเคลียร์" กับ อินเดีย หากว่าความตึงเครียดระหว่าง 2 ชาติเพื่อนบ้านทวีความดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่ต่างก็มีอาวุธนิวเคลียร์กันทั้งคู่นี้ อยู่ในภาวะเขม็งเกลียวนับจากวันที่ 22 เม.ย. ซึ่งมีกลุ่มติดอาวุธบุกสังหารเหยื่อ 26 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดู ในเมืองพาฮาลแกม แคว้นแคชเมียร์ส่วนที่อยู่ในการควบคุมของอินเดีย โดยนิวเดลีกล่าวหาว่า ปากีสถานให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธดังกล่าว แม้อิสลามาบัดยืนยันว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ในวันเสาร์(10พ.ค.) อินเดียและปากีสถาน ตกลงหยุดยิง ตามหลังแรงกดดันและความพยายามทางทูตของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา มีรายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุระเบิดตูมสนั่้นหลายระลอกจากเมืองหลักต่างๆในแคว้นแคชเมียร์ ศูนย์กลางของการสู้รบที่ยืดเยื้อมาแล้ว 4 วัน รื้อฟื้นความกังวลเกี่ยวกับสงครามเต็มรูปแบบ
(ที่มา:อาหรับนิวส์/ไทม์สออฟอินเดีย)