ราคาน้ำมันขยับลงมากกว่า 1 ดอลลาร์ในวันพุธ(7พ.ค.) นักลงทุนสงสัยว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่กำลังมาถึงจะสามารถฝ่าทางตันได้หรือไม่ ส่วนวอลล์สตีทปิดบวกและทองคำปรับลด หลังธนาคารกลางอเมริกา(เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 58.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 61.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สหรัฐฯและจีนมีกำหนดพบปะกันในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งอาจเป็นก้าวย่างแรกในการคลี่คลายสงครามการค้าที่สร้างความปั่นป่วนแก่เศรษฐกิจโลก ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากสถานการณ์ความตึงเครียดทวีความดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ โดยต่างฝ่ายต่างกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากอีกฝ่ายมากกว่า 100%
ตลาดน้ำมันเคลื่อนไหวในแดนลบ แม้สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ รายงานว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ ลดลง 2 ล้านบาร์เรล เหลือ 438.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะลดลงราว 833,000 บาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดในแดนบวกในวันพุธ(7พ.ค.) ได้แรงหรุนจากการดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายการซื้อขายของหุ้นกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ ตามรายงานข่าวที่ระบุว่าอาจมีการผ่อนปรนกฎระเบียบเกี่ยวกับชิปปัญญาประดิษฐ์
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 284.97 จุด (0.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 41,113.97 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 24.37 จุด (0.43 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,631.28 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 48.50 จุด (0.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,738.16 จุด
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปดีดตัวขึ้น หลังสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่ารัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มันแผนผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆเกี่ยวกับชิปปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งรายงานข่าวนี้ต่อมาได้รับคำยืนยันจากโฆษกกระทรวงพาณิชย์
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐฯมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิม โดยชี้ว่าความเสี่ยงทั้งจากเงินเฟ้อดีดตัวและคนว่างงานเพิ่มสูงขึ้น ก่อความมืดมัวแก่แนวโน้มทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม ในขณะที่เฟดกำลังพยายามหาทางรับมือกับผลกระทบจากนโยบายรีดภาษีของทรัมป์
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ในการตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25-4.50% ซึ่งเป็นตามคาดการณ์ของตลาด
ถ้อยแถลงของเฟดได้เตือนถึงความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจ และความเสี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยควบคู่กับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น (stagflation) โดยระบุว่า "คณะกรรมการเฟดให้ความสนใจต่อความเสี่ยงที่มีต่อพันธกรณีทั้งสองประการของเฟด และประเมินว่าความเสี่ยงของการว่างงานที่สูงขึ้นและเงินเฟ้อที่ดีดตัวขึ้นได้เพิ่มขึ้นแล้ว"
ด้านราคาทองคำขยับลงต่อเนื่องในวันพุธ(7พ.ค.) ถูกฉุดจากการแข็งค่าของดอลลาร์และความตึงเครียดทางการค้าที่เบาบางลงระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 30.90 ดอลลาร์ หรือ 0.9 % ปิดที่ 3,391.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์)