ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมากล่าวถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอินเดียและปากีสถานว่าเป็น “เรื่องน่าเสียดาย” (shame) ขณะที่ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ติดต่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 ฝ่าย หลังจากที่อินเดียเริ่มเปิดฉากยิงโจมตีเป้าหมายหลายจุดในปากีสถานและดินแดนแคชเมียร์ฝั่งปากีสถาน
อินเดียถือเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญยิ่งของสหรัฐฯ ในการต้านทานอิทธิพลของจีน ในขณะที่ปากีสถานก็ยังคงเป็นชาติพันธมิตร แม้จะลดความสำคัญลงไปบ้างหลังจากที่สหรัฐฯ ถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานในปี 2021 ก็ตาม
ปากีสถานประกาศตอบโต้ปฏิบัติการทางทหารของอินเดียซึ่งเกิดขึ้นในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา และเป็นผลสืบเนื่องมาจากกรณีที่กลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์สังหารนักท่องเที่ยว 26 รายในแคชเมียร์ฝั่งอินเดีย เมื่อวันที่ 22 เม.ย.
“มันเป็นเรื่องน่าเสียดาย เราก็เพิ่งได้ทราบข่าว” ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อที่ทำเนียบขาว “ผมว่าทุกคนก็คงพอรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อมองจากเหตุการณ์ในอดีต พวกเขาก็สู้รบกันมานานแล้ว”
ทรัมป์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ผมหวังว่ามันคงจะยุติลงได้อย่างรวดเร็ว”
รูบิโอ โพสต์ X ระบุว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และวอชิงตันจะพยายามประสานพูดคุยกับอินเดียและปากีสถานต่อไปเพื่อ “หาทางออกอย่างสันติ”
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รูบิโอ ได้พูดคุยกับที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทั้งอินเดียและปากีสถาน และเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่าย “เปิดช่องทางสื่อสารกันเอาไว้ และหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้ง”
สถานทูตอินเดียประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่า อาจิต โดวาล ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติอินเดีย ได้สรุปข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายอินเดียให้ รูบิโอ รับทราบ
ตลอดช่วงไม่กี่วันมานี้ สหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้ทั้ง 2 ชาติทำงานร่วมกันเพื่อลดความตึงเครียด และแสวงหา “ทางออกที่รับผิดชอบ”
ผู้นำระดับสูงของสหรัฐฯ รวมถึงตัว ทรัมป์ เองได้แสดงท่าทีสนับสนุนอินเดียหลังเกิดเหตุโจมตีนักท่องเที่ยวที่พาฮัลกัม (Pahalgam) เมื่อวันที่ 22 เม.ย. แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อเมริกันก็ไม่ได้โทษว่าปากีสถานเป็นต้นเหตุ
นักวิเคราะห์หลายคนเคยประเมินไว้เมื่อเดือนที่แล้วว่า สหรัฐฯ อาจปล่อยให้อินเดียและปากีสถาน “เคลียร์กันเอง” ในช่วงแรกๆ ส่วนหนึ่งเพราะว่าอเมริกาเองก็มีภารกิจสำคัญทางการทูตล้นมืออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครนหรือสงครามของอิสราเอลในกาซา
ทรัมป์ เคยกล่าวเอาไว้เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ว่า อินเดียและปากีสถานจะต้องตัดสินความสัมพันธ์ระหว่างกันเอาเอง “พวกเขาคงจะหาวิธีจัดการได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่วันมานี้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ได้มีการติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่อินเดียและปากีสถานในหลายระดับ และ รูบิโอ ก็ได้โทรศัพท์พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายด้วยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
อินเดียและปากีสถานต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนแคชเมียร์ทั้งหมด ทว่าแบ่งพื้นที่กันควบคุมในทางปฏิบัติ และข้อพิพาทแคชเมียร์ก็เคยเป็นต้นเหตุให้ทั้ง 2 ชาติเปิดศึกสงครามกันมาแล้วหลายครั้ง
รัฐบาลอินเดียกล่าวโทษปากีสถานว่ามีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับเหตุสังหารนักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ขณะที่ปากีสถานปฏิเสธเสียงแข็ง และขอให้มีการตั้งคณะสอบสวนที่เป็นกลางสืบหาความจริงเรื่องนี้
ที่มา: รอยเตอร์