หลังจากมีปัญหาขัดแย้งกับรัฐบาลกลางแคนาดามานาน รัฐแอลเบอร์ตา อาจจัดทำประชามติแยกตัวเป็นเอกราชในปีหน้า หากคำร้องขอจัดทำประชามนติดังกล่าวได้รายชื่อผู้สนับสนุนถึง 177,000 คน
รัฐทางตะวันตกของแคนาดาแห่งนี้มีปัญหากระทบกระทั่งกับรัฐบาลกลางมาช้านาน เกี่ยวกับกฎหมายจำกัดการพัฒนาเชื้อเพลิงฟอสซิลและส่งเสริมพลังงานสะอาด โดยที่พวกเจ้าหน้าที่รัฐแอลเบอร์ตาบอกว่ามันเป็นการเล็งเป้าเล่นงานเศรษฐกิจของพวกเขาอย่างไม่ยุติธรรม
ดาเนียล สมิธ มุขมนตรีแห่งรัฐ แถลงเมื่อวันจันทร์(5พ.ค.) ไม่กี่วันหลังจากพรรคลิเบอรัล คว้าชัยชนะ 4 สมัยติดต่อกันในศึกเลือกตั้งรัฐบาลกลาง ซ้ำเติมรอยร้าวทางการเมืองหนักหน่วงยิ่งขึ้นระหว่างรัฐบาลกลางในออตตาวากับรัฐแอลเบอร์ตา ที่อุดมไปด้วยน้ำมัน
หลังการเลือกตั้ง กลุ่มที่ใช้ชื่อว่า Alberta Prosperity Project (โครงการความมั่งคั่งของแอลเบอร์ตา) เริ่มดำเนินการยื่นคำร้องขอให้จัดทำประชามติในประเด็นความเป็นเอกราชของรัฐ คำร้องดังกล่าวสามารถรวบรวมรายชื่อผู้สนับสนุนได้มากกว่า 80,000 รายชื่อภายใน 36 ชั่วโมง นับตั้งแต่เปิดตัวในวันที่ 2 พฤษภาคม และยังคงเปิดให้ประชาชนลงชื่อสนับสนุน
"ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม ควรหรือไม่ที่ ออตตาวา ยังคงเดินหน้าโจมตีรัฐของเรา แบบเดียวกับพวกเขาทำมาตลอดในช่วงทศวรรษหลังสุด ท้ายที่สุดแล้ว ชาวแอลเบอร์ตาจะเป็นผู้ตัดสินใจ" สมิธกล่าว พร้อมระบุว่าแม้โดยส่วนตัวแล้ว เธอไม่สนับสนุนความคิดเกี่ยวกับการแยกตัว แต่เธอจะเคารพเจตจำนงของผู้มีสิทธิ์ออกเสียง "ฉันจะยอมรับการตัดสินใจของพวกเขา"
เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลของรัฐแอลเบอร์ตาได้ออกกฎหมายผ่อนปรนเงื่อนไขสำหรับการยื่นคำร้องของพลเมืองเพื่อขอจัดทำประชามติ โดยกฎหมายฉบับนี้ลดจำนวนรายชื่อลงจากระดับ 20% เหลือ 10% ของจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิในการเลือกตั้งของรัฐหนสุดท้าย และขยายกรอบเวลาในการรวบรวมรายชื่อจาก 90 วัน เป็น 120 วัน ดังนั้นเพื่อให้ผ่านเกณฑ์ดังกล่าว คำร้องจำเป็นต้องรวบรวมรายชื่อให้ได้ 177,000 รายชื่อ
สมิธเน้นว่ารัฐแอลเบอร์ตา "ไม่ประสงค์ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษหรือทำตัวเป็นขอทาน เราแค่ต้องการมีเสรีภาพในการพัฒนาความมั่งคั่งทางทรัพยากรธรรมชาติอันน่าทึ่งของเรา และเลือกทางแนวมอบการดูแลสุขภาพและการศึกษาของตนเอง" อย่างไรก็ตามเธอแสดงความหวังว่าการแยกตัวเป็นเอกราชจะไม่เป็นสิ่งจำเป็น และรัฐบาลของเธอจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับนายกรัฐมนตรีมาร์ค คาร์นีย์ และรัฐบาลใหม่ของแคนาดา
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พรรคลิเบอรัลของคาร์นีย์ รักษาอำนาจเอาไว้ได้ ด้วยกลยุทธ์หาเสียงเลือกตั้งที่มุ่งเน้นอย่างหนักไปที่การรับมือกับภัยคุกคามการอยู่รอดจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวคิดอยากผนวกแคนาดาเข้าเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา และกำหนดมาตรการรีดภาษีกับสินค้าเกือบทั้งหมดที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้
ผลลัพธ์ของการเลือกตั้ง ซ้ำเติมความตึงเครียดที่มีมาช้านานในดินแดนอนุรักษ์นิยมทั้งหลาย ในนั้นรวมถึงในรัฐแอลเบอร์ตา ที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมกวาดเก้าอี้มาได้ 34 จากทั้งหมด 37 ที่นั่ง ในขณะที่ประชาชนในรัฐแสดงความรู้สึกผิดหวังกับความเป็นผู้นำของรัฐบาลกลาง ทั้งนี้มีรายงานเกี่ยวกับความไม่พอใจแบบเดียวกันในรัฐซัสแคตเชวัน ที่อยู่ติดกัน และในรัฐบริติชโคลัมเบีย
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)