xs
xsm
sm
md
lg

กลาโหมสหรัฐฯสั่งปลด‘พลเอก’เพิ่มอีก 20% หลังถอดออกจากตำแหน่งแล้วเกือบ 10 คน แถมให้หั่นนายทหารระดับนายพลทุกเหล่าทัพอีก10%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีท เฮกเซธ ขณะเดินทางมาถึงอาคารเพนตากอน ในกรุงวอชิงตันเมื่อวันจันทร์ (5 พ.ค.) เพื่อพบหารือกับรัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีต่างประเทศของเปรู
รัฐมนตรีกลาโหม พีท เฮกเซธ ของสหรัฐฯ ออกคำสั่งในวันจันทร์ (6 พ.ค.) ให้ลดจำนวนนายทหารอาวุโสระดับพลเอก หรือที่นิยมเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า นายพล 4 ดาว เป็นจำนวน 20% ขณะที่คณะบริหารของทรัมป์เดินหน้าแผนปลดเจ้าหน้าที่มากขึ้นเรื่อยๆ โดยระบุว่า เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพของกองทัพ อย่างไรก็ดี พวกนักวิจารณ์แสดงความกังวลว่าอาจส่งผลทำให้เกิดกำลังทหารที่ฝักใฝ่เลือกข้างทางการเมืองมากยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น นายใหญเพนตากอนยังสั่งให้กองทหารรักษาดินแดน (National Guard) ลดจำนวนนายทหารยศสูงสุดลงมา 20% เช่นเดียวกัน รวมทั้งสั่งให้กองทัพปลดประจำการนายทหารชั้นนายพลเพิ่มขึ้นอีก 10% ในทุกเหล่าทัพ โดยครอบคลุมเหล่านาวิกโยธินและกองกำลังอวกาศด้วย

การสั่งตัดลดคราวนี้ เป็นการต่อยอดการปลดนายทหารระดับสูงสุดจำนวนเกือบ 10 คนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หรือ รัฐมนตรีกลาโหมเฮกเซธ ได้ออกคำส่งไปแล้วนับตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยที่ในจำนวนนี้รวมถึง พลเอก ซีคิว. บราวน์ จูเนียร์ ประธานคณะเสนาธิการร่วม ผู้บัญชาการทหารเรือและผู้บัญชาการหน่วยยามฝั่ง ที่ต่างก็เป็นผู้หญิงทั้งคู่ นอกจากนั้นยังมีนายพลที่เป็นผู้บัญชาการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ รองเสนาธิการกองทัพอากาศ พลเรือเอกที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ที่นาโต และนายทหารนักกฎหมายระดับสูงของกองทัพ 3 คน

ในการปลดนายทหารระดับสูงระลอกก่อนหน้านี้ เฮกเซธให้เหตุผลว่า เพื่อสะท้อนความต้องการของประธานาธิบดีในการจัดการให้บุคคลใกล้ชิดที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นผู้ดำเนินการแนวทางด้านความมั่นคงแห่งชาติที่อเมริกาต้องการ

เฮกเซธซึ่งก่อนหน้ามานั่งเป็นนายใหญ่เพนตากอน เป็นพิธีกรดำเนินรายการของโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ ยังกล่าวถึงความพยายามของตนเองในบทบาทรัฐมนตรีกลาโหม ในการถอนรากถอนโคนโครงการหรือผู้นำที่สนับสนุนความหลากหลายในกองทัพ การปลดทหารข้ามเพศ และเริ่มการเปลี่ยนแปลงอย่างครอบคลุมเพื่อบังคับใช้มาตรฐานสมรรถภาพร่างกายของทหารในส่วนกำลังรบ

ในบันทึกความเข้าใจประกาศคำสั่งปลด ที่นำออกเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (5 พ.ค.) เฮกเซธระบุว่า คำสั่งนี้มีเป้าหมายในการขจัดโครงสร้างที่ซ้ำซ้อนของกองทัพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงความเป็นผู้นำ รวมทั้งปลดปล่อยกองทัพจากระบบราชการที่ไม่จำเป็น ไม่ใช่เป็นการลงโทษนายทหารระดับสูง พร้อมยืนยันว่า จะดำเนินการอย่างรวดเร็วและระมัดระวัง โดยร่วมมือกับคณะเสนาธิการร่วมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการยกระดับความพร้อมด้านยุทธศาสตร์

ทว่า ส.ส. เซธ มุลตัน ของพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการการทหารของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ รวมทั้งเป็นอดีตนาวิกโยธินที่เคยปฏิบัติภารกิจในอิรัก ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า คำสั่งของเฮกเซธเป็นความพยายามแบ่งขั้วในกองทัพแบบที่เขาเคยเขียนไว้ในหนังสือ ด้วยการสร้างกรอบอย่างเป็นทางการเพื่อปลดนายทหารระดับนายพลทุกคนที่ไม่เห็นด้วยกับตนเองและกับทรัมป์

มุลตันยังเตือนเกี่ยวกับผลลบต่อกองทัพ เนื่องจากทหารควรเข้าใจว่า ตนเองปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ทำตามคำสั่งของพรรคการเมือง

ความชุลมุนวุ่นวายในเพนตากอนในเวลานี้ ไม่ได้มีเพียงเฉพาะเรื่องนี้เท่านั้น เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เฮกเซธเพิ่งปลดหรือโยกย้ายที่ปรึกษาใกล้ชิดของเขาหลายคน รวมทั้งเขายังถูกสมาชิกทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันตั้งคำถามเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลอ่อนไหวและการใช้แอปรับส่งข้อความ “ซิกนัล”

กองทัพสหรัฐฯในปัจจุบันมีทหารระดับนายพลราว 800 นาย ในจำนวนนี้ 44 นายเป็นนายพลระดับ 4 ดาวหรือพลเอก โดยกองทัพบกมีทหารระดับนายพลมากที่สุดคือ 219 นาย เป็นพลเอก 8 นาย

จำนวนนายพลในกองทัพถูกกำหนดตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐสภาที่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อบอกว่า สมาชิกรัฐสภาไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเรื่องการปลดนายทหารครั้งล่าสุด แต่ได้รับการแจ้งแบบย่อๆ มากเมื่อบ่ายวันจันทร์

อนึ่ง เพนตากอนกำลังถูกกดดันให้ลดค่าใช้จ่ายและบุคลากร อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลดเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางของทรัมป์และกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลภายใต้การควบคุมของอีลอน มัสก์ นักธุรกิจพันล้านและพันธมิตรของทรัมป์

สัปดาห์ที่แล้วเฮกเซธสั่งเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพื่อสร้างกองทัพที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการควบรวมหรือปิดกองบัญชาการทหาร เลิกใช้ยานยนต์และเครื่องบินที่ล้าสมัย ปลดเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์บัญชาการในเพนตากอน 1,000 คน และโยกย้ายเจ้าหน้าที่ไปยังหน่วยงานภาคสนาม

อย่างไรก็ดี ทั้งตัวทรัมป์เองและกองทัพสหรัฐฯ ยังยืนยันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะจัดการสวนสนามครั้งใหญ่ขึ้นในช่วงวันคล้ายวันเกิดเกิดทรัมป์เดือนมิถุนายนนี้ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการฉลอง 250 ปีกองทัพ ถึงแม้ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักว่าเป็นการสิ้นเปลือง โดยที่เจ้าหน้าที่ระบุว่าจะมีค่าใช้จ่ายหลายสิบล้านดอลลาร์

(ที่มา: เอพี/รอยเตอร์/เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น