(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Did Houthi missiles threaten to sink the carrier USS Truman?
by Stephen Bryen
30/04/2025
รายงานข่าวระบุว่า เครื่องบินขับไล่ เอฟ 18อี ลำหนึ่ง หล่นจากเรือบรรทุกเครื่องบิน “ยูเอสเอส แฮร์รี เอส. ทรูแมน ลงไปในทะเลแดง เนื่องจากเรือหักเลี้ยวอย่างกะทันหัน เพราะต้องรีบหลบหลีกภัยคุกคามจากอาวุธซึ่งพวกฮูตีปล่อยออกมา
สหรัฐฯสูญเสียเครื่องบินขับไล่ เอฟ-18อี ซูเปอร์ ฮอร์เนต (F-18E Super Hornet) ไปลำหนึ่งเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ตอนที่เครื่องบินลำนั้นกำลังถูกลากจูงอยู่ในชั้นเก็บเครื่องบินของ เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส แฮร์รี เอส. ทรูแมน (USS Harry S. Truman) (ใช้เลขรหัสประจำเรือว่า CVN 75) แล้วพลัดตกลงไปในทะเล พร้อมๆ กับรถแทร็กเตอร์ที่กำลังลากจูงมันอยู่ เหตุการณ์คราวนี้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยเพียงคนเดียว โดยเป็นลูกเรือซึ่งดูเหมือนได้รับบาดเจ็บในตอนที่กระโดดออกมา ถ้าไม่ใช่จากเครื่องบิน ก็จากรถแทร็กเตอร์ลาก F-18 ลำดังกล่าว
ทั้งเครื่องบินลำนี้และรถแทร็กเตอร์ต่างก็สูญหายไปในทะเล คำถามสำคัญยิ่งยวดประการหนึ่งที่เกิดขึ้นมาคือ นี่เป็นแค่เพียงอุบัติเหตุธรรมดาๆ หรือว่าสาเหตุของการสูญเสียเครื่องบินและรถแทร็กเตอร์ไปในคราวนี้ เป็นเรื่องที่สืบเนื่องจากการโจมตีซึ่งเปิดฉากขึ้นโดยพวกกบฎฮูตีในเยเมน โทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เครื่องบินลำดังกล่าวพลัดตกทะเลตอนที่เรือบรรทุกเครื่องบินต้องหักเลี้ยวอย่างกะทันหันเพราะต้องรีบหลบหลีกภัยคุกคาม ซึ่งอาจจะเป็นขีปนาวุธร่อน (Cruise missile) หรือไม่ก็โดรนติดอาวุธของฝ่ายฮูตี
ทั้งนี้ มีรายงานว่าในช่วงนี้ ฮูตีเข้าโจมตีเล่นงานบรรดาเรือรบสหรัฐฯที่อยู่ในทะเลแดงมากกว่า 170 ครั้งทีเดียว
F-18E Super Hornet เป็นเครื่องบินขับไล่ 2 เครื่องยนต์ที่นั่งเดี่ยวซึ่งสามารถบินขึ้นลงเรือบรรทุกเครื่องบินได้ ชั้นเก็บเครื่องบินนั้นอยู่ใต้ลงไปจากชั้นเครื่องบินขึ้นลง ทว่าดูเหมือนจะไม่มีเครื่องกีดขวางคอยกั้นไม่ให้เครื่องบินไถลหลุดจากชั้นลงไปในทะเล
บนเรือทรูแมน มีทั้งเครื่องบินขับไล่ F-18E ซึ่งเป็นแบบที่นั่งเดี่ยว และ F-18-F ที่มี 2 ที่นั่งวางเรียงหน้าหลัง นอกจากนั้นยังมีเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์อื่นๆ อีก กล่าวโดยภาพรวม ปกติแล้วเรือทรูแมนจะมีเครื่องบินประจำการอยู่ราว 90 ลำ และมีบุคลากรพำนักอยู่มากกว่า 6,000 คน
เครื่องบินลำที่สูญหาย สังกัดอยู่กับฝูงบินขับไล่โจมตี วีเอฟเอ-136 (Strike Fighter Squadron VFA-136) เครื่องบินลำนี้มีราคา 67 ล้านดอลลาร์ ขณะที่อยู่ในชั้นเก็บเครื่องบิน นักบินจะไม่ได้อยู่ในเครื่องบินด้วย หากแต่เป็นสมาชิกลูกเรือฝ่ายสนับสนุนคนหนึ่งซึ่งเข้าไปอยู่ในห้องนักบิน ในเวลาที่เครื่องบินกำลังถูกเคลื่อนย้าย (บางทีอาจจะเป็นการนำมันออกมายังชั้นขึ้นลงเครื่องบิน แต่เรื่องนี้ไม่มีข้อมูลชัดเจน)
ซีเอ็นเอ็น เป็นสื่อกระจายข่าวสารเจ้าแรกที่เผยแพร่เรื่องราว [1] ซึ่งได้จากปากคำของเจ้าหน้าที่บริหารที่ไม่มีการระบุชื่อรายหนึ่ง ซึ่งกล่าวว่า ต้องสูญเสีย F-18 และรถแทร็กเตอร์ลากจูงไปในตอนที่เรือบรรทุกเครื่องบินหักเลี้ยวกะทันหัน เป็นเหตุให้ผู้ควบคุมรถลากจูงไม่สามารถควบคุม F-18 ได้ องค์การข่าวแห่งนี้บอกว่า เรือทรูแมนต้องหักเลี้ยงอย่างกะทันหัน เนื่องจากต้องหลบหลีกภัยคุกคาม ซึ่งอาจจะเป็นขีปนาวุธร่อน หรือไม่ก็ โดรนติดอาวุธของฝ่ายฮูตี
ทางกลุ่มฮูตีเองนั้นอ้างว่า พวกเขาพุ่งเป้าเล่นงานเรือทรูแมน ทั้งด้วยขีปนาวุธและโดรน ยาห์ยา ซาเรเอ (Yahya Sare’e) โฆษกของกลุ่มนี้ กล่าวในคำแถลงที่ถูกนำออกอากาศทางโทรทัศน์ [2] ว่า กองทัพอากาศ และกองทัพเรือของฮูตี กำลังดำเนินปฏิบัติการร่วมโดยใช้ทั้งขีปนาวุธร่อน, ขีปนาวุธทิ้งตัว (ballistic missile), และโดรน โดยที่กองบัญชาการทหารด้านกลางของสหรัฐฯ (US Central Command หรือ CENTCOM) ซึ่งเป็นผู้บริหารการปฏิบัติการต่อสู้ฮูตีในทะเลแดงอยู่ขณะนี้ ไม่ได้โต้แย้งการอวดอ้างนี้ของฝ่ายฮูตีแต่อย่างใด
เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ ไม่มีการออกปฏิบัติการด้วยตนเองตามลำพังอยู่แล้ว โดยพวกเขาได้รับการสนับสนุนขณะอยู่ในทะเลจากหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี (Carrier Strike Group) สำหรับเรือทรูแมนนั้นได้รับการหนุนหลังจากหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินที่ 8 ในทะเลแดง หมู่เรือนี้ประกอบด้วย เรือพิฆาตชั้นอาร์ลีจ์ เบิร์ก (Arleigh Burke Class Destroyers) จำนวน 3 ลำ และเรือลาดตระเวนชั้นทีคอนเดโรกา (Ticonderoga Class cruiser) อีก 1 ลำ ซึ่งได้แก่ เรือยูเอสเอส เกตตีสเบิร์ก (USS Gettysburg) (เลขรหัสประจำเรือคือ CG-64)
บทบาทของพวกเรือพิฆาตและเรือเกตตีสเบิร์ก คือ การคุ้มครองปกป้องเรือบรรทุกเครื่องบินทรูแมน ไม่ให้ถูกเล่นงานจากพวกขีปนาวุธ, เครื่องบิน, และโดรนทั้งหลาย โดยที่เรือรบเหล่านี้ทุกลำต่างติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศ เอจิส (AEGIS air defense system) ซึ่งได้รับการยกย่องนับถือกันมาก รวมทั้งยังติดตั้งสมรรถนะทางด้านต่อสู้ขีปนาวุธและต่อสู้โดรนอย่างอื่นๆ อีกด้วย พวกเรือพิฆาตและเรือลาดตระเวนที่ติดตั้งระบบเอจิสนั้น มีเรดาร์ระดับก้าวหน้าล้ำยุค เพื่อให้พวกเขาสามารถตรวจจับภัยคุกคามที่กำลังตรงเข้ามา โดยรวมไปถึงพวกโดรนขนาดเล็กๆ ด้วย
หากรายงานเรื่องเรือทรูแมนต้องมีการหักเลี้ยวอย่างกะทันหันเป็นความจริงแล้ว มันก็ย่อมดูเหมือนกับว่าภัยคุกคามที่กำลังตรงรี่เข้ามาในครั้งนี้กลับไม่ได้ถูกตรวจจับ จวบจนกระทั่งมันเข้ามาใกล้เรือบรรทุกเครื่องบินมากแล้ว และเรือทรูแมนจึงต้องใช้กลยุทธ์หลบหลีกเพื่อพยายามและหลีกเลี่ยงจากภัยคุกคามดังกล่าว คำอธิบายที่อาจเป็นไปได้ประการหนึ่งก็คือ ภัยคุกคามที่กำลังรี่เข้ามาเป็นขีปนาวุธร่อนลูกหนึ่ง หรือขีปนาวุธต่อสู้เรือลูกหนึ่ง ที่กำลังบินอยู่ในระยะต่ำ จนยากที่เรดาร์จะตรวจจับสัญญาณของเป้าหมายให้ชัดเจนได้
พื้นที่บริเวณอ่าวเปอร์เซียและทะเลแดง ยังเป็นบริเวณซึ่งเจอผลกระทบของปรากฏการณ์ radar ducting นั่นคือชั้นต่างๆ ของบรรยากาศมีคุณสมบัติในการดักจับและชี้นำคลื่นเรดาร์ ทำให้คลื่นเรดาร์เกิดการเบี่ยงเบนและหักเหอย่างสำคัญ ปรากฏการณ์ Ducting สามารถก่อให้เกิดรูโหว่เรดาร์ หรือพื้นที่ซึ่งสัญญาณเรดาร์ตรวจจับไม่ได้ขึ้นมา จึงทำให้ไม่อาจติดตามตรวจจับขีปนาวุธหรืออากาศยานซึ่งวิ่งรี่เข้ามาได้
ไม่มีข้อมูลข่าวสารใดๆ ซึ่งระบุว่าพวกเรือรบติดตั้งระบบเอจิสเหล่านี้มีลำไหนตอบโต้สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นการโจมตีจากฝ่ายฮูตีนี้ หรือแม้กระทั่งว่ามีการโจมตีเช่นว่านี้เกิดขึ้นหรือเปล่า CENTCOM ทั้งไม่ยืนยันและก็ไม่ปฏิเสธเรื่องที่ว่ากันว่าฮูตีโจมตีนี้ รวมทั้งกองบัญชาการทหารแห่งนี้ยังไม่ได้สนับสนุนรายงานของซีเอ็นเอ็นเรื่องที่ว่าเรือทรูแมนต้องหักเลี้ยวกะทันหันกลางทะเลจนเป็นเหตุให้สูญเสีย F-18E ไป
ประเด็นอีกประเด็นหนึ่งที่จะต้องทำความกระจ่างคือ ถ้าหากพวกฮูตีสามารถที่จะเล็งเป้ามุ่งโจมตีเรือทรูแมนได้จริงๆ แล้ว พวกเขาจำเป็นต้องมีเครื่องมือในการระบุตำแหน่งที่ตั้งอย่างชัดเจนของมัน พวกเรดาร์ชายฝั่งของฮูตีนั้นถูกการโจมตีทิ้งระเบิดของสหรัฐฯทำลายอย่างย่อยยับจนเรียกได้ว่าหมดสิ้นแล้ว มันจึงไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกฮูตีเองสามารถเฝ้าติดตามเส้นทางเดินเรือของเรือทรูแมนได้ด้วยตนเอง แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าอิหร่านใช้เรือติดตั้งเรดาร์หลายลำคอยให้ความสนับสนุนพวกฮูตี และเรดาร์เหล่านี้ก็ดูเหมือนน่าจะระบุตำแหน่งของเรือทรูแมนได้ค่อนข้างง่ายดาย นอกจากนั้นแล้ว ยังมีหนทางอื่นๆ อีกที่มีความเป็นไปได้ อย่างเช่นการติดตามชี้เป้าด้วยการใช้ดาวเทียมที่บินอยู่บนฟ้าโดยฝ่ายรัสเซียและฝ่ายจีน ก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถบอกปัดขีดฆ่าออกไปได้เช่นกัน
อิหร่านนั้นนอกจากใช้พวกเรือสปายที่ติดตั้งเรดาร์เป็นการเฉพาะเจาะจงแล้ว ยังใช้พวกเรือพาณิชย์สำหรับการสอดแนมหาข่าวกิจกรรมต่างๆ [3] อีกด้วย ทั้งนี้ มันย่อมไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรเลยสำหรับพวกเรือพาณิชย์ซึ่งกำลังปฏิบัติงานในทะเลแดงที่จะค้นพบเป้าใหญ่ๆ ขนาดหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี และส่งต่อตำแหน่งที่ตั้งของหมู่เรือนี้ไปให้แก่พวกผู้ปฏิบัติการของฮูตี
พวกฮูตีนั้นมีอาวุธต่อสู้เรือที่อิหร่านจัดหาจัดส่งให้อยู่หลายหลากประเภท [4] ทั้งขีปนาวุธต่อสู้เรือ, ขีปนาวุธร่อน, และโดรน ถ้าหากเป็นความจริงตามรายงานข่าวที่ว่าภัยคุกคามต่อเรือทรูแมนคราวนี้เป็นวัตถุที่กำลังบินเข้ามาในระดับต่ำๆ มันก็อาจจะเป็นขีปนาวุธร่อน อย่างเช่น คุดส์-4 (QUDS-4) โดยขีปนาวุธร่อนชนิดนี้มีพิสัยทำการประมาณ 2,000 กิโลเมตร และใช้เครื่องยนต์กังหันไอพ่นขนาดเล็ก 1 เครื่องเป็นตัวให้พลัง
ต้นรากดั้งเดิมของ QUDS-4 คือ ขีปนาวุธร่อน ซูมาร์ (Soumar cruise missile) ซึ่งก็เป็นของอิหราน ทว่ามันถอดแบบลอกเลียนมาจาก เคเอช-55 (Kh-55) ของรัสเซีย นี่คือขีปนาวุธร่อนแบบเดียวกับที่ถูกใช้ในการโจมตีสิ่งปลูกสร้างทางด้านน้ำมันของซาอุดีอาระเบียที่ อับกออิก (Abqaiq) และ คูราอิส (Khurais) เมื่อเดือนกันยายน 2019 สำหรับขีปนาวุธชนิดนี้สามารถใช้โจมตีเรือที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ได้หรือไม่ ยังไม่เป็นที่ทราบกัน
สหรัฐฯนั้นพึ่งพาอาศัยพวกเรือบรรทุกเครื่องบินของตนนี่แหละ ทำให้มีความสามารถจัดส่งกองกำลังอาวุธออกไปปฏิบัติการในต่างแดนตามสถานที่ต่างๆ รอบโลก ขณะที่กองกำลังเช่นนี้ด้อยความสำคัญลงมาในยุโรป ซึ่งสหรัฐฯสามารถเข้าถึงฐานทัพอากาศได้เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่ในภูมิภาคอื่นๆ เรือบรรทุกเครื่องบินยังคงเป็นสิ่งที่ทรงความสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างใหญ่หลวง
ระยะไม่กี่ปีหลังๆ มานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการที่สมรรถนะในการต่อสู้เรือของจีนได้เติบโตขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ หลายๆ คนหลายๆ ฝ่ายจึงกำลังตั้งคำถามว่า เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯยังสามารถที่จะอยู่รอดได้อีกหรือเมื่อถูกส่งเข้าไปอาณาบริเวณของการสู้รบขัดแย้งกัน เป็นต้นว่ารอบๆ ญี่ปุ่น และไต้หวัน กระทั่งรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีต เฮกเซธ ได้กล่าวออกมาอย่างเปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ว่า พวกขีปนาวุธความเร็วไฮเปอร์โซนิก (hypersonic ความเร็วเหนือเสียงตั้งแต่ 5 เท่าตัวขึ้นไป) ของจีน สามารถที่จะจมกองกำลังเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯทั้งกองได้ [5]ภายในเวลา 20 นาที
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ถ้าหากเวลานี้พวกผู้ทรงอำนาจระดับสามรายหนึ่ง อย่างเช่น พวกฮูตี (แน่นอนทีเดียว เป็นที่ชัดเจนว่าที่พวกเขาต้องอาศัยความช่วยเหลือจากภายนอกด้วย) ยังสามารถที่จะคุกคามเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯในทะเลแดงโดยใช้ประดาอาวุธที่ด้อยกว่าอย่างเด็ดขาดชัดเจน เรื่องความสามารถในการพิทักษ์คุ้มครองการปฏิบัติการของเรือบรรทุกเครื่องบินก็จะต้องกลายเป็นประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงเลื่อนช้าได้อีกต่อไปแล้ว
สตีเฟน ไบรเอน เป็นผู้สื่อข่าวอาวุโสอยู่ที่เอเชียไทมส์ เขาเคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเจ้าหน้าที่ของคณะอนุกรรมการตะวันออกใกล้ แห่งคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐฯ รวมทั้งเคยเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหมด้านนโยบายของสหรัฐฯ สำหรับข้อเขียนนี้เผยแพร่ครั้งแรกใน Weapons and Strategy ที่เป็นบล็อกบนแพลตฟอร์ม Substack ของผู้เขียน
เชิงอรรถ
[1] https://www.cnn.com/2025/04/28/politics/us-navy-jet-overboard/index.html
[2] https://yemenonline.info/politics/9284
[3] https://lieber.westpoint.edu/targeting-iranian-spy-ships/
[4] https://www.wilsoncenter.org/article/houthi-arsenal
[5] https://www.yahoo.com/news/china-could-sink-entire-us-100124996.html