xs
xsm
sm
md
lg

ทำไม Nvidia ยังคงตั้งใจปักหลักรักษาตลาดชิปเอไอในจีนเอาไว้ - เบื้องลึกที่สะท้อนความล้มเหลวอีกครั้งของสหรัฐฯในการกีดกั้นการพัฒนาเทคแดนมังกร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สกอตต์ ฟอสเตอร์


(ภาพจากแฟ้ม) เจนเสน หวง ซีอีโอของอินวีเดีย
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Nvidia grasping to hold onto China’s AI chip market
by Scott Foster
19/04/2025

เจนเสน หวง ซีอีโอของอินวีเดียอยู่ในโหมดของการควบคุมความเสียหาย ในตอนที่เดินทางเยือนปักกิ่งช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ไม่กี่วันหลังจากทางการสหรัฐฯเพิ่งสั่งห้ามการส่งออกชิประดับตัวท็อปมายังประเทศจีนรอบล่าสุด

สองวันหลังจากคณะบริหารโดนัลด์ ทรัมป์ จำกัดบีบคั้นบริษัทของเขาในเรื่องการขายสินค้าให้ประเทศจีน เจนเสน หวง (Jensen Huang) ซีอีโอของ อินวีเดีย (Nvidia) ได้ปรากฏตัวในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 17 เมษายน เพื่อพยายามกอบกู้ต่อชีวิตตลาดซึ่งเขาเรียกขานว่าเป็น ตลาดที่สำคัญอย่างมากๆ สำหรับบริษัทของเขา [1]

การไปเยือนคราวนี้ของ หวง นอกจากฝ่ายจีนเห็นคุณค่าว่าสมควรได้รับการต้อนรับจาก รองนายกรัฐมนตรี เหอ ลี่เฟิง (He Lifeng) ของจีน [2] ณ มหาศาลาประชาชนแล้ว เขายังได้พบหารือกับ เหริน หงปิน (Ren Hongbin) ประธานสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของจีน (China Council for the Promotion of International Trade หรือ CCPIT) และ เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ ดีปซีค (DeepSeek)

รองนายกฯเหอ ซึ่งยังมีตำแหน่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกรมการเมือง (Politburo) พรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วย กล่าวว่า “เรายินดีต้อนรับบริษัทสหรัฐฯจำนวนมากขึ้น รวมทั้ง อินวีเดีย ด้วย ให้มาปรากฏตัวอย่างหยั่งรากลึกยิ่งขึ้นไปอีกในตลาดจีน และยกระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาที่นี่เพื่อบรรลุความได้เปรียบในการแข่งขันระดับโลก” ขณะที่ หวง กล่าวตอบว่า “เราคาดหวังที่จะทำให้การปรากฏตัวของเราในจีนสามารถหยั่งรากลงลึกยิ่งขึ้น และเป็นการสนับสนุนความก้าวหน้าของระบบนิเวศเทคท้องถิ่น”

ในการพบปะหารือแยกต่างหากออกไป ซึ่งจัดขึ้นโดยสภา CCPIT หวง บอกกับ เหริน [3] ว่า “เราวาดหวังที่จะร่วมมือกับจีนต่อไป” ขณะที่พวกสื่อจีนยังรายงานโดยอ้างอิงว่า หวงได้กล่าวว่า “อินวีเดีย จะยังคงใช้ความพยายามทุกๆ อย่างเพื่อทำให้สายผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีความสอดคล้องกับข้อกำหนดต่างๆ ทางระเบียบกฎหมายอย่างสูงสุด [4] และก็จะรับใช้ตลาดจีนอย่างแน่วแน่มั่นคงไปด้วย”

สำหรับในการพบปะหารือกับ เหลียง มีรายงานว่า หวง ได้พูดคุยในเรื่องที่ว่า อินวิเดีย จะทำอะไรได้บ้างในการจัดหาจัดส่งพวกชิป processor ด้านเอไอ ให้ดีปซีค [5] โดยที่ทั้งสามารถบรรลุความต้องการของดีปซีค และทำตามข้อกำหนดของระเบียบกฎหมาย

อินวิเดีย ยังออกคำแถลงฉบับหนึ่งกล่าวว่า “เรามีการพบปะกับบรรดาผู้นำรัฐบาลอยู่เป็นประจำ เพื่อพูดจาหารือกันเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของบริษัทของเรา” อย่างไรก็ดี การพบปะหารือของเขากับฝ่ายต่างๆ ในจีนคราวนี้ย่อมไม่ใช่เป็นการพบปะหารือธรรมดาๆ อย่างแน่นอน บริษัทอินวีเดียเวลานี้กำลังกลายเป็นศูนย์กลางของการพิพาททางการค้าและเทคระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่เพิ่มความดุเดือดเผ็ดร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ

ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว (ช่วงกลางๆ เดือนเมษายน) ต้องถือเป็นสัปดาห์ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวเหตุการณ์น่าตื่นเต้นสำหรับอินวีเดียอย่างแท้จริง โดยที่ในคืนวันที่ 15 เมษายน อินวีเดียเปิดเผยว่า การส่งออกชิปประมวลผล processor AI รุ่น H20 ของบริษัท และผลิตภัณฑ์คล้ายๆ กันตัวอื่นๆ ไปยังประเทศจีนตลอดจนประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและถูกจับตานั้น ตอนนี้จะต้องได้รับใบอนุญาต [6] จากรัฐบาลสหรัฐฯเสียก่อนจึงจะกระทำได้ โดยที่คำสั่งในเรื่องนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯอ้างเหตุผลว่า เพื่อ “รับมือกับความเสี่ยงที่พวกผลิตภัณฑ์ซึ่งคำสั่งฉบับนี้ครอบคลุมอยู่ อาจจะถูกใช้, หรืออาจจะถูกหันเหนำไปใช้ กับเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในประเทศจีน”

ในการซื้อขายภายหลังช่วงเวลาเทรดอย่างเป็นทางการสิ้นสุดลง ปรากฏว่าหุ้นของอินวีเดียได้หล่นฮวบถึง 6.3% มาอยู่ที่ราคาหุ้นละ 105.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ และเมื่อถึงตอนปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 17 เม.ย. (วันศุกร์ที่ 18 เป็นวันหยุดของตลาดหุ้นในสหรัฐฯ) หุ้นตัวนี้ไหลลงมาอีกจนอยู่ที่ 101.42 ดอลลาร์ ทำให้อัตราการลดต่ำของราคาหุ้นตัวนี้ตั้งแต่เริ่มปีใหม่จนถึงปัจจุบัน อยู่ในระดับ 26.7%

เนื่องจากเป็นที่คาดหมายกันว่า รัฐบาลสหรัฐฯไม่น่าที่จะยอมออกใบอนุญาตใดๆ เลย อินวีเดียจึงแถลงย้ำว่า ผลประกอบการของบริษัทสำหรับไตรมาสทางการเงินปัจจุบันซึ่งจะสิ้นสุด ณ วันที่ 27 เมษายน “ได้รับการคาดหมายว่าจะต้องรวมเอาค่าใช้จ่ายต่างๆ ประมาณ 5,500 ล้านดอลลาร์ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ H20 ทั้งในเรื่องสินค้าคงคลัง, ข้อตกลงการจัดซื้อต่างๆ, และการตั้งสำรองที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย เข้าไปด้วย”

ทางด้านบริษัท เอเอ็มดี ซึ่งมีผลิตภัณฑ์อย่าง ชิป MI308 AI accelerator ที่เข้าข่ายถูกจำกัดการส่งออกในทำนองเดียวกันจากประกาศฉบับนี้ ปรากฏว่าราคาหุ้นก็ไหลลงมา 7.1% ในการซื้อขายภายหลังช่วงเวลาเทรดอย่างเป็นทางการวันอังคาร (15 เม.ย.) สิ้นสุดลง และราคาสุดท้ายตอนปิดสัปดาห์ดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำลงมา 27.5% เมื่อเทียบกับช่วงเริ่มต้นปีนี้ เอเอ็มดีคาดหมายว่าจะต้องรายงานเรื่องต้องตั้งค่าใช้จ่ายพิเศษ [7] เป็นวงเงินเกือบๆ 800 ล้านดอลลาร์

ชิป processor Gaudi 3 ของอินเทล ก็ได้รับความกระทบกระเทือนเหมือนกัน ด้วยเหตุผลข้อนี้ตลอดจนอย่างอื่นๆ อีก ราคาหุ้นอินเทลจึงดิ่งเหว 27% ในรอบเดือนนี้โดยนับจนถึงวันพฤหัสบดี (17 เม.ย.)

เช่นเดียวกับ H20 ของอินวีเดีย ชิป MI308 ของเอเอ็มดี ก็ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษโดยลดความสามารถในการทำงานลงมา เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่ระบุเอาไว้ในระเบียบข้อจำกัดการส่งออกไปยังจีนฉบับก่อนๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งนี้ ชิป processor Gaudi 2 และ Gaudi 3 เวอร์ชั่นออกแบบมาใหม่ของอินเทล อยู่ในอีหรอบเดียวกันนี้เหมือนกัน

ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้ว นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 ที่สำนักงานอุตสาหกรรมและความมั่นคง (Bureau of Industry and Security หรือ BIS) ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ออกระเบียบกำหนดเพดานสูงสุดความสามารถในการทำงานของชิป processor AI ซึ่งสามารถส่งออกไปยังจีนได้ แล้วจากนั้น ภายหลังที่ อินวีเดีย, เอเอ็มดี, และ อินเทล ได้ออกแบบชิปของพวกเขาเวอร์ชั่นใหม่ที่ด้อยประสิทธิภาพลงมาแล้ว ทาง BIS ก็ออกระเบียบใหม่ที่กำหนดเพดานให้ต่ำเตี้ยลงมาอีก เมื่อพิจารณาในแง่มุมแล้วนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ก็กำลังเดินตามนโยบายเดียวกันกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน

สำหรับ อินวีเดีย แล้ว เส้นเวลาของการจำกัดกีดกั้น สามารถเรียงตามลำดับ [8] ได้ ดังนี้:

ตุลาคม 2022: คณะบริหารไบเดนปิดกั้นการส่งออกชิป A100 และ H100 GPUs ของอินวีเดีย ซึ่งเป็นชิป processor AI รุ่นก้าวหน้าที่สุดของบริษัทในตอนนั้น

พฤศจิกายน 2022: อินวีเดีย เปิดตัวชิป A800 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ลดความสามารถลงมาให้สอดคล้องกับข้อกำหนดเรื่องชิปที่สามารถส่งไปชายในจีนได้ของ BIS

มีนาคม 2023: อินวีเดียเปิดตัวชิป H800 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ทำงานได้ด้อยประสิทธิภาพลงของ H100

พฤศจิกายน 2023: BIS ออกระเบียบปิดกั้นการส่งออกทั้ง A800 และ H800 GPUs

มีนาคม 2024: อินวีเดีย เปิดตัว H20 ซึ่งสอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ที่เข้มงวดยิ่งกว่าเดิมของ BIS

เมษายน 2025: คณะบริหารทรัมป์ปิดกั้นการส่งออก H20 GPUs

สำหรับเหตุผลที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่เช่นนี้ ก็คือ ประการแรก อุปสงค์ความต้องการของจีนยังคงแข็งแกร่ง แม้กระทั่งสำหรับชิปที่ความสามารถในการทำงานได้ถูกลงทอนลงไปแล้ว ถ้าหากมันยังคงซื้อหาได้ในตลาด และประการที่สอง สมรรถนะด้านเอไอของจีนยังคงก้าวหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่ถูกจำกัดปิดกั้นรอบแล้วรอบเล่าเช่นนี้

สิ่งที่เกิดขึ้นมาเหล่านี้ นอกเหนือจากเป็นการเปิดโปงให้เห็นฝีมือการวิเคราะห์และการตอบโต้ของรัฐบาลสหรัฐฯว่าไร้น้ำยาติดตามกระแสความก้าวหน้าทางด้านเทคไม่ทันแล้ว มันยังเป็นการสาธิตให้เห็นว่า ในกรณีของเซมิคอนดักเตอร์แล้ว อะไรก็ตามทีที่ทางจีนต้องการซื้อ สหรัฐฯก็จะปฏิเสธไม่ยอมขายให้ ทั้งๆ ที่สหรัฐฯนั่นเองที่กำลังคอยร้องทุกข์อย่างเดือดดาลว่าตนเองขาดดุลการค้ากับประเทศจีน

ความสำเร็จอย่างน่าตื่นตะลึงของโมเดลเอไอจีนอย่าง ดีปซีค ซึ่งถูกเทรน [9] โดยใช้ชิป อินวีเดีย H800 ได้ก่อให้เกิดอาการโรคจิตหวาดระแวงแบบมุ่งไล่ล่าหาแม่มด ขึ้นมาในหมู่พวกนักการเมืองสหรัฐฯ อย่างที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ชี้เอาไว้ในเดือนมกราคมว่า ดีปซีค “ได้สร้างแชตบอตที่สามารถแข่งขันได้ด้วยราคาที่ถูกกว่า [10] โดยใช้ชิปคอมพิวเตอร์ระดับไฮเอนด์น้อยกว่าพวกยักษ์ใหญ่สหรัฐฯอย่าง กูเกิล และ โอเพนเอไอ มันจึงกำลังแสดงให้เห็นความจำกัดตีบตันของการควบคุมการส่งออกชิป”

ในวันที่ 16 เมษายน ประธาน จอห์น มูลเลนาร์ (John Moolenaar) (พรรครีพับลิกัน-รัฐมิชิแกน) และ สมาชิกอาวุโสที่สุดของพรรคฝ่ายค้าน (Ranking Member) ราชา กฤษณมูรติ (Raja Krishnamoorthi) (พรรคเดโมแครต-รัฐอิลลินอยด์) ของคณะกรรมาธิการวิสามัญว่าด้วยพรรคคอมมิวนิสต์จีนแห่งสภาผู้แทนราษฎร (House Select Committee on the Chinese Communist Party) สหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานร่วมฉบับหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า “DeepSeek Unmasked: Exposing the CCP’s Latest Tool for Spying, Stealing, and Subverting US Export Control Restrictions.” [11] (เปิดหน้ากากดีปซีค: เผยเครื่องมือล่าสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ใช้สำหรับการแอบล้วงความลับ, การโจรกรรม, และการบ่อนทำลายมาตรการข้อจำกัดควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ) โดยที่คณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้เรียก ดีปซีค ว่า เป็น “ภัยคุกคามความมั่นคงแห่งชาติที่ร้ายแรงประการหนึ่งของสหรัฐฯ”

ประธาน มูลเลนาร์ เน้นย้ำเอาไว้ดังนี้:
ดีปซีค ไม่ได้เป็นเพียงแค่ แอป เอไอ อีกตัวหนึ่งเท่านั้น –มันคืออาวุธชิ้นหนึ่งในคลัง
แสงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแอบล้วงความลับของอเมริกัน, โจรกรรมเทคโนโลยีของเรา, และบ่อนทำลายกฎหมายสหรัฐฯ เวลานี้เราทราบแล้วว่าเครื่องมือนี้ได้ฉวยใช้ประโยชน์จากพวกโมเดลเอไอสหรัฐฯ และมีรายงานว่าได้ใช้พวกชิปอินวีเดียระดับก้าวหน้าซึ่งไม่สมควรเลยที่จะตกไปอยู่ในกำมือของพรรคคอมมิวนิสต์จีน นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเรากำลังจัดส่งหนังสือไปถึงอินวีเดียเรียกร้องขอคำตอบ นวัตกรรมของอเมริกันไม่สมควรที่จะกลายเป็นเครื่องจักรเครื่องยนต์แห่งความทะเยอทะยานของพวกปรปักษ์ของเรา


อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ 2 วันก่อนหน้านั้น นั่นคือเมื่อวันที่ 14 เมษายน อินวีเดียได้ประกาศแผนการที่จะผลิตพวกซูเปอร์คอมพิวเตอร์และโครงสร้างพื้นฐานด้านเอไออื่นๆ ในสหรัฐฯ [12] รวมเป็นมูลค่าที่อาจจะสูงขึ้น 500,000 ล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า

เพื่อทำเช่นนี้ให้สำเร็จ อินวีเดียกำลังทำงานร่วมกับพวกโรงงานอุตสาหกรรมรับจ้างผลิตจากไต้หวัน อย่าง ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า ฮอน ไฮ พรีซิชั่น (Hon Hai Precision) และ วิสตรอน (Wistron) เพื่อสร้างโรงงานขึ้นหลายแห่งในรัฐเทกซัส ของสหรัฐฯ ชิป processor เอไอ แบล็กเวลล์ (Blackwell) ซึ่งจะเป็นหัวใจของพวกซูเปอร์คอมพิวเตอร์เอไอที่สร้างขึ้นในเทกซัสดังที่กล่าวมาข้างต้น จะจัดส่งให้โดย ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง คอมพานี (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC) บริษัทโรงงานรับจ้างผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชื่อดังของไต้หวัน โดยที่ผลิตขึ้นมาจากโรงงานของ TSMC ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐแอริโซนา

ชิปเหล่านี้จะถูกประกอบ, บรรจุหีบห่อ, และทดสอบโดย แอมโคร์ (Amkor) และ เอสพีไอแอล (SPIL ย่อมาจาก Silicon Precision Industries Co., Ltd., บริษัทซิลิคอน พรีซิชั่น อินดัสตรีส์ จำกัด) ซึ่งก็ตั้งอยู่ในแอริโซนาเช่นกัน แอมโคร์ นั้นก็อย่างที่ชื่อของบริษัทบ่งชี้ เป็นบริษัทเกาหลี-อเมริกัน ขณะที่ เอสพีไอแอล เป็นบริษัทไต้หวัน

ซีอีโอ หวง ของ อินวีเดีย พูดในวันนั้น (14 เม.ย.) ดังนี้ “เครื่องยนต์ของโครงสร้างพื้นฐานเอไอของโลก กำลังถูกสร้างขึ้นมาในสหรัฐฯเป็นครั้งแรก การมีโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตอเมริกันเพิ่มขึ้นมา ช่วยให้เราสามารถตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นกับอุปสงค์ความต้องการอันเหลือเชื่อและขยายตัวมากขึ้นทุกทีสำหรับพวกชิปเอไอและซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ห่วงโซ่อุปทานของเราและเพิ่มพูนคุณสมบัติความหยุ่นตัวของเรา”

นี่ย่อมตรงเป๊ะเป็นสิ่งที่ทรัมป์ต้องการได้ยิน ดังนั้น ทำเนียบขาวจึงไม่รอช้า ออกเอกสารข่าวสำหรับสื่อมวลชน ซึ่งเขียนข้อความว่า นี่แหละ “มันคือ ดอกผลที่มาจากทรัมป์ [13] ในการปฏิบัติการที่เป็นจริง”

การสร้างพวกซูเปอร์คอมพิวเตอร์เอไอ ขึ้นมาในสหรัฐฯนั้น จะไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในราคาถูก รวมทั้งอาจจะใช้เวลายาวนานกว่าที่ อินวีเดีย วาดหวังเอาไว้ แต่จากการที่มีพวกบริษัทระดับสุดยอดจำนวนมากมายขนาดนี้เข้าร่วมด้วย ในที่สุดแล้วมันก็ควรทำกันได้สำเร็จ

เมื่อช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา H3C ที่เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของจีนรายงานว่า บริษัทกำลังอยู่ในภาวะขาดแคลนชิป processor อินวีเดีย H20 โดยดูเหมือนชิปรุ่นนี้กำลังขายกันเกือบหมดเกลี้ยงในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น อาลีบาบา (Alibaba), เทนเซนต์ (Tencent), ไบต์แดนซ์ (ByteDance) และลูกค้ารายอื่นๆ ของอินวีเดียก็ล้วนแล้วแต่จะต้องถูกกระทบกระเทือน ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าพวกระเบียบข้อจำกัดปิดกั้นใหม่ๆ ของ BIS น่าที่จะก่อกวนทำให้เกิดการสะดุดติดขัดขึ้นมาในอุตสาหกรรมการคำนวณทางเอไอของจีน อย่างที่สหรัฐฯมุ่งมั่นตั้งใจเอาไว้แล้ว

มาตรการจำกัดปิดกั้นเหล่านี้ ยังอาจะทำให้ อินวีเดีย ต้องสูญเสียเงินทองไปถึง 15,000 ล้านดอลลาร์ในยอดขายประจำปีของบริษัท [14] ได้ทีเดียว เพิ่มเติมขึ้นมาจากจำนวน 5,500 ล้านดอลลาร์ซึ่งถูกตั้งขึ้นมาเป็นความเสียหายพิเศษดังที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น ในอีกด้านหนึ่ง ความสูญเสียดังกล่าวนี่เองจะถูกผ่องถ่ายแปรเปลี่ยนไปเพิ่มเป็นรายได้ของพวกบริษัทออกแบบชิปเอไอสัญชาติจีน อย่างเช่น หัวเว่ย และ แคมบริคอน (Cambricon) รวมทั้ง H3C ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาโซลูชั่นของตนเองขึ้นมา

ดีปซีค นั้นกำลังใช้ชิป processor เอไอรุ่นใหม่ของหัวเว่ย ที่มีชื่อว่า แอสเซนด์ 910ซี (Ascend 910C) [15] อยู่แล้ว โดยที่ชิปตัวนี้ดูเหมือนจะเป็นชิปจีนทางเลือกซึ่งก้าวหน้าที่สุด ที่อาจจะใช้ทดแทนชิปอินวีเดีย สำหรับ แคมบริคอน ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2016 นั้นมีขนาดเล็กกว่า หัวเว่ย เป็นอย่างมาก แต่หุ้นของบริษัทแห่งนี้ ก็เพิ่งกำลังกลายเป็นหุ้นสุดเลิฟของตลาดหลักทรัพย์จีน โดยราคาพุ่งพรวดขึ้นราวๆ 5 เท่าตัวในช่วงปีที่ผ่านมา ขณะที่ หัวเว่ย ไม่ได้มีการจดทะเบียนนำหุ้นออกเทรดในตลาดหลักทรัพย์ จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ในแง่นี้

ดีปซีค เวลานี้กำลังถูกนำออกมาใช้งานอย่างกว้างขวางทั่วทั้งประเทศจีนเรียบร้อยแล้ว ทั้งในบรรดากลุ่มผู้บริโภค, บริษัทต่างๆ, กิจการทางการเงินตลอดจนธุรกิจอื่นๆ, หน่วยงานบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น, กิจการด้านการดูแลสุขภาพ, และพวกบริการทางสังคมอย่างอื่นๆ รวมทั้งพวกบริการสนับสนุนที่ทำให้แก่กองทัพปลดแอกประชาชนจีน [16] ด้วย แทนที่ ดีปซีค คือสิ่งที่ถูกออกแบบมา “เพื่อแอบล้วงความลับของอเมริกัน” อย่างที่ ส.ส.มูเลนาร์ กล่าวอ้าง บริษัทกลับตั้งจุดมุ่งหมายที่จะจัดหาจัดทำพวกโซลูชั่นทางเอไอ เพื่อใช้แก้ไขปัญหาในเชิงปฏิบัติทั้งหลาย ตลอดทั่วทั้งสังคมจีน

เวลาเดียวกันนี้ ไดแลน ปาเตล (Dylan Patel) และพวกเพื่อนร่วมงานของเขาใน เซมิอะนาไลซิส (SemiAnalysis) จดหมายข่าววงการเทคโนโลยีที่ได้รับการยกย่องนับถือกันอย่างสูง เพิ่งเผยแพร่ข้อเขียนมีเนื้อหาระบุว่า ชิป accelerator เอไอ ตัวใหม่ของ หัวเว่ย ที่ใช้ชื่อรุ่นว่า คลาวด์เมทริกซ์ 394 (CloudMatrix 394 AI accelerator) ซึ่งสร้างขึ้นมาโดยอิงอยู่กับชิป Ascend 910C นั้น “เป็นตัวที่แข่งขันโดยตรง” กับ ซูเปอร์ชิป จีบี200 เกรซ แบล็กเวลล์ (GB200 Grace Blackwell Superchip) ที่เป็นตัวท็อปเอนด์ของอินวีเดีย โดยที่ “ในเมตริกซ์บางเมตริกซ์นั้น มีความก้าวหน้ายิ่งเสียกว่า โซลูชั่นแบบ แร็ก สเกล (rack scale solution) ของอินวีเดียด้วยซ้ำ

ทั้งนี้ “Rack scale solution” [17] หมายถึงระบบศูนย์ข้อมูลสมบูรณ์แบบ โดยประกอบด้วยพวก GPUs, เซิร์ฟเวอร์, เครือข่ายเนตเวิร์กกิ้ง, คลังเก็บข้อมูล storage, ระบบบริหารจัดการกระแสไฟฟ้า power management, และระบบทำความเย็น cooling อย่างพรั่งพร้อม

ในความเห็นของ เซมิอะนาไลซิส “ความได้เปรียบทางวิศวกรรมนั้นอยู่ที่ระดับระบบ ไม่ใช่แค่อยู่ที่ระดับชิป ด้วยนวัตกรรมทั้งที่ตัวชิป accelerator, เครือข่าย networking, optics, และซอฟต์แวร์ชั้นต่างๆ (software layers) ... หัวเว่ย จึงอยู่ในฐานะที่ทางด้านชิปล้าหลังกว่า 1 เจเนอเรชั่น ทว่าพวกโซลูชั่นยกระดับทั้งหลายของพวกเขานั้น สามารถกล่าวได้ว่านำหน้าไป 1 เจเนอเรชั่น เมื่อเทียบกับพวกผลิตภัณฑ์ของ อินวีเดีย และ เอเอ็มดี ที่มีอยู่ในตลาดในปัจจุบัน”

พวกโซลูชั่นของ หัวเว่ย นั้น ดูเหมือนจะมีจุดอ่อนในเรื่องที่ต้องใช้ไฟฟ้ามากกว่า แต่กระนั้น เซมิอะนาไลซฺส ก็สรุปว่า “ความด้อยกว่าในเรื่องไฟฟ้า เป็นปัญหาที่มีอยู่จริง ทว่าไม่ได้ถือเป็นปัจจัยที่เป็นตัวจำกัดบีบรัดแต่อย่างใด สำหรับในประเทศจีน”

นี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พวกมาตรการแซงก์ชั่นของสหรัฐฯดูเหมือนจะอยู่ในอาการ “นำออกมาใช้กันน้อยเกินไปและสายเกินไป” และน่าที่จะกลายเป็นการกระตุ้นส่งเสริมแทนที่จะเป็นตัวกีดกั้นขัดขวางความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจีน ถ้าหากทรัมป์ยังไม่เปลี่ยนแปลงทิศทางในการรับมือกับปักกิ่งแล้ว อินวีเดียตลอดจนพวกคู่แข่งอเมริกันขนาดเล็กกว่าของพวกเขา ก็น่าจะพบว่าพวกเขาเองกำลังมีขนาดหดเล็กลงไปทุกๆ ในตลาดทางด้านชิป processor เอไอของจีน ซึ่งกำลังรุ่งเรืองเติบโตกันอย่างสนุกสนาน

เชิงอรรถ
[1] https://www.globaltimes.cn/page/202504/1332330.shtml
[2] https://www.digitimes.com/news/a20250418VL200.html
[3] https://www.reuters.com/world/china/nvidia-ceo-jensen-huang-arrived-beijing-thursday-chinese-state-media-reports-2025-04-17/
[4] https://asia.nikkei.com/Business/Tech/Semiconductors/Nvidia-s-Jensen-Huang-promises-every-effort-to-serve-China
[5] https://www.ft.com/content/7a49186c-8e51-4540-affe-15239c0914e3
[6] https://d18rn0p25nwr6d.cloudfront.net/CIK-0001045810/9e6e2d94-83a7-465c-8a94-982d82e3e9e7.pdf
[7] https://www.reuters.com/technology/amd-flags-800-million-hit-new-us-curbs-chip-exports-china-2025-04-16/
[8] https://www.wsj.com/economy/trade/nvidia-china-us-export-rules-0a3e9280?mod=hp_lead_pos3
[9] https://www.nytimes.com/2025/01/28/business/economy/deepseek-china-us-chip-controls.html
[10] https://www.nytimes.com/2025/01/23/technology/deepseek-china-ai-chips.html
[11] https://selectcommitteeontheccp.house.gov/media/press-releases/moolenaar-krishnamoorthi-unveil-explosive-report-chinese-ai-firm-deepseek
[12] https://blogs.nvidia.com/blog/nvidia-manufacture-american-made-ai-supercomputers-us/
[13] https://www.whitehouse.gov/articles/2025/04/trump-effect-nvidia-leads-american-made-chips-boom/
[14] https://siliconangle.com/2025/04/15/nvidia-faces-5-5b-sales-hit-new-constraints-h20-chip-exports-china/
[15] https://www.huaweicentral.com/huawei-can-spark-in-ai-chip-industry-if-china-blocks-nvidia-h20/
[16] https://www.fdd.org/analysis/policy_briefs/2025/03/27/chinas-military-reportedly-deploys-deepseek-ai-for-non-combat-duties/
[17] https://www.performance-intensive-computing.com/objectives/tech-explainer-why-the-rack-is-now-the-unit
กำลังโหลดความคิดเห็น