ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พยายามปัดเป่าความกังวลที่มีมากขึ้นรื่อยๆต่อกรณีที่ว่านโยบายเศรษฐกิจของเขาอาจเป็นต้นตอของภาวะถดถอย โดยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอ็นบีซีนิวส์ว่า เศรษฐกิจจะ "โอเค" ในระยะยาว แม้ภาวะถดถอยเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
"บางคนในวอลล์สตรีท บอกว่าเรากำลังมีเศรษฐกิจที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำไมพวกคุณถึงไม่พูดถึงเรื่องนี้บ้าง? มีบางคนในวอลล์สตรีทบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา" อ้างอิงคลิปคำกล่าวของทรัมป์ จากรายงาน "มีทเดอะเพรสกับคริสเทน เวลเกอร์" ที่ออกอากาศในวันศุกร์(2พ.ค.)
เมื่อถามต่อว่า เขาโอเคหรือไม่กับภาวะถดถอยในระยะสั้น เพื่อบรรลุเป้าหมายในระยะยาว ประธานาธิบดีตอบว่า "ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น ทุกๆอย่างโอเค ผมอยากบอกว่าสิ่งที่เราเจออยู่คือ นี่คือช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน ผมคิดว่าเรากำลังทำมันได้อย่างน่าอัศจรรย์มาก"
นโยบายเศรษฐกิจต่างๆนานาของทรัมป์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามการค้า ที่โหมกระพือขึ้นจากการกำหนดมาตรการรีดภาษีอย่างฉับพลันกับทั่วโลก ได้ลากเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ถอยหลังกลับ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ซึ่งเป็นมาตรวัดการผลิตสินค้าและการบริการทั้งหมดทั้งหมดในเศรษฐกิจ เติบโตติดลบ 0.3% ในไตรมาสแรก เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่ภาคธุรกิจพากันกักตุนสินค้าและการใช้จ่ายผู้บริโภคหดตัว อ้างอิงข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เมื่อวันพุธ(30เม.ย.)
ตัวเลขดังกล่าวถือว่าเลวร้ายกว่าที่พวกนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ และถือเป็นไตรมาสที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022
ทรัมป์ เคยเตือนก่อนหน้านี้ ว่าอเมริกันชนอาจพบเห็นช่วงเวลาแห่งความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจอยู่บ้างตลอดช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน ในขณะที่นโยบายต่างๆของเขานั้นเป็นการยกเครื่องใหม่กฎระเบียบเศรษฐกิจโลกกับทั้งมิตรและศัตรูไม่ต่างกัน เขากำหนดมาตรการรีดภาษีอย่างกว้างขวางทั่วโลก(ก่อนระงับบังคับใช้กับประเทศต่างๆส่วนใหญ่) และสั่้งเพิ่มเพดานภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ชาติคู่หูการค้าสำคัญของสหรัฐฯ
ยกตัวอย่างเช่นเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ทรัมป์ยอมรับว่ามาตรการรีดภาษีอาจนำมาซึ่งปัญหาขาดแคลนและราคาเพิ่มสูงขึ้นสำหรับสินค้าที่ชาวอเมริกาใช้ในชีวิตประจำวัน
ทรัมป์ และ เจ้าหน้าที่รัฐบาลบางส่วน ยังเคยส่งสัญญาณด้วยว่ามาตรการรีดภาษีอาจฉุดเศรษฐกิจดำดิ่งสู่ภาวะถดถอยและอาจจำเป็นต้องยอมรับผลลัพธ์ที่ตามมมา
สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ชี้แนะว่าอเมริกาจำเป็นต้องมีช่วงเวลาแห่งการรักษา และถ้ามาตรการรีดภาษีของทรัมป์ ประสบความสำเร็จในการกอบกู้ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ทาง โฮเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์บอกว่าภาวะถดถอยก็ถือว่า "คุ้มค่า"
เศรษฐกิจของสหรัฐฯขับเคลื่อนด้วยการบริโภค ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราวๆ 2 ใน 3 และการโยนทรายเข้าสู่กลไกลขับเคลื่อนการเติบโต ก็อาจก่อความปั่นป่วนครั้งใหญ่
(ที่มา:ซีเอ็นเอ็น)