รัฐบาลโซมาเลียห้ามชาวต่างชาติที่ถือหนังสือเดินทางไต้หวันเข้าประเทศ โดยอ้างว่าทำตามมติสหประชาชาติฉบับหนึ่ง ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันโทษ “จีน” ว่ากดดันรัฐบาลโมกาดิชูให้ทำเช่นนี้เพื่อแก้เผ็ดที่ไทเปหันไปสานสัมพันธ์กับสาธารณรัฐโซมาลิแลนด์ (Somaliland)
โซมาลิแลนด์ประกาศแยกตัวออกจากโซมาเลียเมื่อปี 1991 ทว่ายังไม่ได้รับการรับรองเอกราชจากนานาชาติ ปัจจุบันดินแดนแห่งนี้ค่อนข้างมีความสงบ ในขณะที่โซมาเลียยังคงเผชิญกับสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานาน 3 ทศวรรษ
โซมาลิแลนด์และไต้หวันซึ่งถูกจีนอ้างว่าเป็นดินแดนในอธิปไตย และถูกโดดเดี่ยวทางการทูตเช่นกัน ได้เข้าไปเปิดสำนักงานผู้แทนในเมืองหลวงของกันและกันเมื่อปี 2020 ท่ามกลางความไม่พอใจของฝ่ายโมกาดิชูและปักกิ่ง
กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันออกคำแถลงเมื่อค่ำวันอังคาร (29) ว่า สำนักงานการบินพลเรือนโซมาเลียได้ออกหนังสือแจ้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางไต้หวันจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าโซมาเลีย โดยมีผลตั้งแต่วันพุธที่ 30 เม.ย. เป็นต้นไป
“กระทรวงการต่างประเทศได้ยื่นประท้วงการกระทำของรัฐบาลโซมาเลียอันเกิดจากการยุยงของจีน ในการจำกัดเสรีภาพและความปลอดภัยในการเดินทางของพลเมืองของเรา และขอเรียกร้องให้รัฐบาลโซมาเลียเพิกถอนประกาศดังกล่าวในทันที”
ด้านสำนักงานการบินพลเรือนโซมาเลียยังไม่ตอบข้อซักถามของรอยเตอร์ เนื่องจากอยู่นอกเวลาราชการ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีนก็ยังไม่ให้ความเห็นใดๆ เช่นกัน
รัฐบาลโซมาเลียได้ส่งหนังสือแจ้งดังกล่าวไปยังสายการบินต่างๆ และอ้างว่าโซมาเลียปฏิบัติตามมติสหประชาชาติหมายเลข 2758 ที่ออกเมื่อปี 1971 ซึ่งว่าด้วยการคืนสิทธิทั้งหมดให้แก่สาธารณรัฐประชาชนจีน และรับรองตัวแทนของรัฐบาลจีนให้เป็นตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงคนเดียวของจีนต่อสหประชาชาติ
ไต้หวันและสหรัฐฯ ชี้ว่า มติสหประชาชาติไม่ได้มีการเอ่ยถึงสถานะของไต้หวัน และจีนจงใจตีความอย่างบิดเบือน ในขณะที่รัฐบาลจีนระบุว่า มติดังกล่าวของยูเอ็นถือทำให้จีนมีพื้นฐานตามกฎหมายระหว่างประเทศที่จะอ้างอธิปไตยเหนือเกาะไต้หวันซึ่งปกครองตนเองด้วยระบอบประชาธิปไตย
ที่มา: รอยเตอร์