ยูเครนอาจเผชิญกับความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญในอนาคตอันใกล้นี้ หากว่าพวกเขาไม่ยอมนั่งลงเจรจากับรัสเซีย จากคำเตือนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์
ทรัมป์ แสดงความคิดเห็นนี้ระหว่างให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าวแอตแลนติกเมื่อวันจันทร์(28เม.ย.) โดยครั้งที่ถูกถามว่าเขารู้สึกเห็นใจยูเครนหรือไม่ ทางประธานาธิบดีตอบว่า นโยบายของเขามีเป้าหมายคือ "ปกป้องยูเครน" และเตือนว่าการเดินหน้าความขัดแย้งจะไม่นำมาซึ่งผลดีใดๆกับประเทศแห่งนี้
"ผมคิดว่า ผมกำลังช่วยปกป้องประเทศแห่งนี้ ผมคิดว่าประเทศแห่งนี้จะถูกบดขยี้ในเวลาอันสั้น" เขากล่าว พร้อมระบุว่า "รัสเซียมีกลไกสงครามขนาดใหญ่ จงยอมรับความเป็นจริง"
ในความเห็นแยกกัน รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ แห่งสหรัฐฯ เน้นย้ำในวันจันทร์(28เม.ย.) ว่า เคียฟ จะไม่เป็นผู้ชนะในการทำสงครามกับมอสโก "ถ้ามันไม่หยุดลง ยูเครนจะไม่ชนะสงคราม" แวนซ์ ซึ่งเป็นอดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯกล่าว พร้อมระบุว่า "มันเป็นเรื่องเพี้ยนมาก หากคาดหมายว่ารัสเซียจะพังครืนลง สืบเนื่องจากความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน"
สหรัฐฯแสดงความผิดหวังมากขึ้นเรื่อยๆกับความคืบหน้าด้วยความล่าช้าในการเจรจาระหว่างวอชิงตัน, มอสโกและเคียฟ โดย มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ เตือนซ้ำอีกรอบว่าอเมริกาอาจเดินหนีจากการเจรจา หากว่ายังคงไร้ความคืบหน้า
มอสโกบอกว่าพวกเขาพร้อมเสมอในการมีส่วนร่วมในการเจรจาสันติภาพ มอบคำรับประกันทางออกอย่างถาวรหนึ่งๆที่จัดการกับรากเหง้าของความขัดแย้ง ทั้งนี้รัสเซียคัดค้านข้อเสนอหนึ่งสำหรับหยุดยิงชั่วคราว โดยชี้ถึงประสบการณ์ในอดีตที่ทั้งเคียฟและบรรดาผู้สนับสนุนตะวันตก ฉวยโอกาสเติมอาวุธให้แก่กองทัพยูเครน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตัวทรัมป์เอง ยอมรับว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เจรจาต่อรองง่ายกว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน "ผมคิดว่ารัสเซียพร้อม ผมคิดว่าเรามีข้อตกลงกับรัสเซีย แต่เราจำเป็นต้องได้ข้อตกลงกับเซเลนสกี" ทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวในตอนนั้น
ก่อนหน้านั้น ผู้นำยูเครนปฏิเสธอย่างเปิดเผยต่อเงื่อนไขหลักในกรอบสันติภาพที่เสนอโดยสหรัฐฯ โดยเขายืนกรานไม่พิจารณารับรองแคว้นไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
รัฐบาลทรัมป์กำลังผลักดันคลี่คลายความขัดแย้ง นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในช่วงต้นปี 2025 ขณะเดียวกันวอชิงตันยังกำลังหาทางรับประกันข้อตกลงสกัดแร่ธาตุหายากกับยูเครน เพื่อชดเชยเงินช่วยเหลือทางทหารและทางการเงิน มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ ที่อเมริกามอบให้แก่ยูเครน ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำคนก่อน
(ที่มา:แอตแลนติก/อาร์ทีนิวส)