CNN Poll เผยชาวอเมริกันส่วนใหญ่มีมุมมองค่อนไปในเชิงลบต่อผลงานของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งส่งผลให้เขาทำสถิติกลายเป็นผู้นำสหรัฐฯ ที่มีคะแนนนิยมช่วง 100 วันแรกต่ำที่สุดในรอบ 70 ปี
ผลสำรวจของ CNN ซึ่งจัดทำโดย SSRS พบว่า คะแนนนิยมของ ทรัมป์ เวลาอยู่ที่ 41% ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดตั้งแต่ยุคอดีตประธานาธิบดี ดไวท์ ไอเซนฮาวร์ เป็นต้นมา และยังต่ำกว่าในสมัยที่เขาครองเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ เทอมหนึ่งด้วย
คะแนนความพึงพอใจต่อการบริหารบ้านเมืองของ ทรัมป์ ลดลง 4 จุดตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. และต่ำกว่าในช่วงปลายเดือน ก.พ. ถึง 7 จุด โดยมีชาวอเมริกันเพียง 22% เท่านั้นที่ตอบว่ายังคง “พอใจอย่างยิ่ง” ต่อการทำงานของผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าต่ำเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่กลุ่มซึ่ง “ไม่พอใจอย่างยิ่ง” มีมากถึง 45%
ตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นมา ระดับคะแนนนิยมของ ทรัมป์ ในกลุ่มสตรีและชาวอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดลง 7 จุดมาอยู่ที่ 36% และ 28% ตามลำดับ
หากแยกตามฐานเสียงของแต่ละพรรคพบว่ามุมมองนั้นยังคงมีความแตกต่างกันแบบสุดขั้ว โดยฐานเสียงรีพับลิกัน 86% พึงพอใจกับการทำงานของทรัมป์ ขณะที่ฐานเสียงเดโมแครต 93% ตอบว่าไม่พอใจ
ในกลุ่มชาวอเมริกันที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด คะแนนนิยมของผู้นำสหรัฐฯ ลดลงเหลือ 31% ซึ่งต่ำพอๆ กับในช่วงเทอมแรก
ผลสำรวจฉบับนี้ยังพบว่า ชาวอเมริกันให้คะแนนการทำงานของ ทรัมป์ ต่ำลงในเกือบทุกประเด็น ขณะที่ความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อความสามารถในการแก้ไขปัญหาของเขาก็ลดลงตามไปด้วย
คะแนนความพอใจด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มี.ค. หลังจากที่ ทรัมป์ เริ่มใช้นโยบายรีดภาษีคู่ค้าจนตลาดหุ้นปั่นป่วน และผู้คนวิตกกังวลว่าราคาข้าวของจะแพงขึ้น
คะแนนความพอใจด้านการแก้ปัญหาเงินเฟ้อลดลง 9 จุดมาอยู่ที่ 35% และในส่วนของมาตรการรีดภาษีก็ลดลง 4 จุดมาอยู่ที่ 35%
มีชาวอเมริกันเพียง 52% เท่านั้นที่ยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของ ทรัมป์ ในการบริหารเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลดลง 13 จุดเมื่อเทียบกับโพล CNN เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว
หลังจากที่ ทรัมป์ เริ่มใช้นโยบายปฏิรูปองค์กรและลดรายจ่ายภาครัฐ ปรากฏว่าคะแนนนิยมด้านการบริหารจัดการรัฐบาลกลางลดลง 6 จุดเหลือเพียง 42% และมีชาวอเมริกันเพียง 46% ที่ยังเชื่อว่า ทรัมป์ จะแต่งตั้งบุคลากรที่ดีที่สุดเข้าทำงาน
ทั้งนี้ มีผู้ตอบแบบสอบถามแค่ 43% หรือไม่ถึงครึ่งที่มองว่าการปฏิรูปองค์กรภาครัฐของ ทรัมป์ มีความจำเป็น และ 57% มองว่าแนวทางการบริหารประเทศของ ทรัมป์ กำลังทำให้สหรัฐฯ ตกอยู่ในความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น
เดเรก สไตน์เมตซ์ ฐานเสียงเดโมแครตจากรัฐวิสคอนซิน ยอมรับว่าเขารู้สึกกังวลมากที่ ทรัมป์ “ใช้อำนาจโดยไม่สนใจกฎเกณฑ์ บรรทัดฐาน หรือโครงสร้างของรัฐบาล อันที่จริงมันน่ากังวลตั้งแต่ตอนที่เขาเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก แต่ตอนนี้สถานการณ์แย่กว่าเพราะมีมาตรการป้องกันน้อยลง”
ในส่วนของนโยบายต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการที่ ทรัมป์ แสดงท่าทีเอียงข้างรัสเซียในสงครามยูเครนและสั่งยกเลิกโครงการช่วยเหลือต่างประเทศ ก็เป็นสิ่งที่คนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย โดยมีผู้สนับสนุนเพียง 39% และไม่สนับสนุน 60% ขณะที่ความเชื่อมั่นในศักยภาพของ ทรัมป์ ที่จะบริหารดูแลกิจการต่างประเทศก็ลดลงจาก 55% ในช่วงก่อนรับตำแหน่งเหลือเพียงราวๆ ครึ่งหนึ่ง
สำหรับประเด็นเรื่องผู้อพยพ ผลสำรวจพบว่าคะแนนความพึงพอใจลดลง 6 จุดจากช่วงเดือน มี.ค. เหลือเพียง 45% ขณะที่ระดับความเชื่อมั่นว่า ทรัมป์ จะแก้ปัญหานี้ได้ก็ลดลงจาก 60% เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. เหลือเพียง 53%
ประเด็นเดียวที่ ทรัมป์ มีคะแนนนิยมสูงขึ้นกว่าเดิมก็คือการจัดการปัญหาเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศและคนข้ามเพศ โดยคนอเมริกัน 51% “พอใจ” มาตรการของ ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงฐานเสียงรีพับลิกัน 90% ฐานเสียงอิสระ 48% และฐานเสียงเดโมแครต 16%
ที่มา: CNN