เอเอฟพี/เอพี – กลุ่มสิทธิพลเมืองสหรัฐฯ ACLU และทนายความออกมาโจมตีวันเสาร์(26 เม.ย)หลังรัฐบาลประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เนรเทศพลเมืองสหรัฐฯ 3 คนเป็นเด็กเล็กมีอายุตั้งแต่ 2 ปี อายุ 4 ปีไปจนถึง7 ปี ออกนอกประเทศพร้อมกับพ่อแม่เข้าเมืองผิดกฎหมายกลับประเทศไปโดยปราศจากการให้ความเป็นธรรมตามกระบวนการที่ชัดเจน สุดช็อกหนูน้อยเกิดในอเมริกาได้สัญชาติสหรัฐฯวัยแค่ 4 ปีป่วยโรคมะเร็งประเภทหายากอยู่ในขั้นลุกลามโดนถูกจับเนรเทศกลับส่งฮอนดูรัสพร้อมแม่
เอพีรายงานวันนี้(27 เม.ย)ว่า ทั้ง 3 เคสสร้างความตกอกตกใจไปทั่วประเทศว่าการกวาดล้างผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ นั้นเกินขอบเขตอำนาจกฎหมายและรวดเร็วงเกินไปและละเมิดต่อสิทธิขั้นพื้นฐานหรือไม่
เป็นการกวาดล้างโดยหน่วย ICE ของสหรัฐฯเกิดขึ้นที่รัฐลุยเซียนา
“สำนักงานภาคสนาม ICE ประจำเมืองนิวออร์ลีนส์เนรเทศออกไปไม่ต่ำกว่า 2 ครอบครัวรวมแม่ 2 คนและลูกที่ยังเล็กของพวกเธอเหล่านั้น” องค์กรโปรเจ็กต์การเข้ามืองแห่งชาติสหรัฐฯ (National Immigration Project) กล่าวผ่านแถลงการณ์วันเสาร์(26) โดยอ้างไปถึง ICE หรือสำนักงานการบังคับใช้ศุลกากรและการเข้าเมืองสหรัฐฯ (Immigration and Customs Enforcement)
ตามการแถลงระบุว่า การเนรเทศกระทำอย่างเร่งรีบและเกิดขึ้นในช่วงเช้ามืดของวันศุกร์(25)
เอพีชี้ว่า ในการเนรเทศเด็กอเมริกันวัย 2 ปีนี้ ผู้พิพากษาศาลสหรัฐฯประจำรัฐลุยเซียนาได้ตั้งคำถามถึงการเนรเทศเด็กโดยกล่าวว่า รัฐบาลทรัมป์ไม่ได้พิสูจน์ว่าได้กระทำอย่างเหมาะสม
เอเอฟพีระบุว่า หน่วยงาน ICE ของทรัมป์อ้างว่า 1 ในแม่ๆเข้าเมืองผิดกฎหมายได้ขอให้ลูกของเธอถูกเนรเทศออกนอกประเทศไปพร้อมกับเธอเอง
ด้านองค์กรปกป้องสิทธิพลเมืองสหรัฐฯชื่อดัง สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน หรือ ACLU (American Civil Liberties Union) แถลงว่า “มีหนึ่งในผู้หญิงที่เป็นแม่เหล่านี้กำลังอยู่ระหว่างการตั้งครรภ์” พร้อมกับโจมตีกระบวนการเนรเทศของรัฐบาลกลางสหรัฐฯว่า “ไม่ชอบด้วยกฎหมายและป่าเถื่อนผิดมนุษย์”
ทั้งนี้สำหรับแม่ที่กำลังตั้งครรภ์เป็นชาวฮอนดูรัสถูกจับกุมตัวที่สำนักงาน ICE เมืองนิวออร์ลีนส์ระหว่างหมายนัดในวันอังคาร(22) เป็นคำสั่งเนรเทศแบบเด็ดขาดพร้อมกับลูก 2 ขวบเกิดในสหรัฐฯและพี่สาววัย 11 ปีเกิดในฮอนดูรัส
ACLU กล่าวผ่านแถลงการณ์ต่อว่า มี 1 ในเด็กอเมริกันที่ถูกนำตัวออกนอกประเทศนั้นกำลังป่วย “โรคมะเร็งประเภทหายากในระยะลุกลาม” แต่โดนถูกเนรเทศออกนอกสหรัฐฯไปโดยปราศจากการรักษาพยาบาลหรือการให้การปรึกษาทางการแพทย์
เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับเคสป่วยโรคมะเร็งนี้พบว่า เป็นเด็กสัญชาติสหรัฐฯวัย 4 ปีป่วยเป็นโรคมะเร็งประเภทที่หายากและเด็กอเมริกันวัย 7 ปีต้องถูกเนรเทศออกไปยังฮอนดูรัสภายในวันที่แม่ของเด็กทั้งคู่โดนจับกุม
เกรซี วิลลิส (Gracie Willis) จากองค์กรโปรเจ็กต์การเมืองแห่งชาติสหรัฐฯกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “สิ่งที่พวกเราได้เห็นจาก ICE ในตลอดไม่กี่วันล่าสุดนั้นน่าสยดสยองและพูดไม่ออก ครอบครัวถูกพรากจากกันไปอย่างไม่จำเป็น”
และเสริมต่อว่า “พวกเราต้องสมควรตระหนักอย่างใหญ่หลวงว่า ICE ได้รับอนุญาตอย่างเป็นนัยทั้งการควบคุมตัวและการเนรเทศเด็กสัญชาติอเมริกัน”
ด้านผู้พิพากษาศาลสหรัฐฯ เทอร์รี เดาตี(Terry Doughty) ออกคำสั่งวันพิจารณาไต่ส่วนในคดีแม่เด็กอเมริกันวัย 2 ขวบโดนเนรเทศไปฮอนดูรัสในวันที่ 16 พ.คโดยชี้ว่า เป็นการต้องสงสัยว่ารัฐบาลอเมริกันจับเนรเทศพลเมืองสหรัฐฯโดยปราศจากการประบวนการที่มีเหตุผล
ผู้พิพากษากล่าวไว้ในคำสั่งศาลวันศุกร์(25)ว่า “รัฐบาลสหรัฐฯอ้างว่าสิ่งนี้สามารถกระทำได้เป็นเพราะแม่เด็กแสดงความปราถนาให้เด็กถูกเนรเทศไปพร้อมกับเธอ แต่ศาลไม่รู้เช่นนั้น”
เอเอฟพีชี้ว่า เป็นสิ่งศาลสหรัฐฯแสดงให้เห็นว่า เป็นสิ่งผิดกฎหมายรัฐบาลทรัมป์กำลังเนรเทศพลเมืองหรัฐฯออกไป
ที่ผ่านมารัฐบาลทรัมป์ได้ออกมาปะทะกับทั้งบรรดาผู้พิพากษาศาลสหรัฐฯ กลุ่มสิทธิมนุษยชนและพรรคเดโมแครตที่ต่างกล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเหยียบย่ำหรือเพิกเฉยต่อสิทธิทางรัฐธรรมนูญสหรัฐฯในการเร่งรีบเนรเทศผู้อพยพ และในบางครั้งกระทำโดยปราศจากสิทธิจะได้ไต่สวนพิจารณา
เอเอฟพีรายงานว่า อย่างไรก็ตามดูเหมือนประธานาธิบดีอเมริกันคนปัจจุบันจะไม่สนใจอะไรเพราะในการโพสต์ทางโซเชียลมีเดียวันเสาร์(26) ทรัมป์ยังคงออกมาอ้างว่า กลุ่มผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายในสหรัฐฯกำลัง “ล้างผลาญ” เหมือนอย่างที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน
พร้อมกันนี้ยังออกมาโต้เกี่ยวกับกระบวนการทางยุติธรรมในการเนรเทศโดยกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะทำการไต่สวนจำนวนหลายล้านคน
“พวกเรารู้ว่าใครเป็นพวกอาชญากร และพวกเราต้องเอาคนเหล่านั้นออกไปให้พ้นจาก U.S.A. และด่วน!” ทรัมป์กล่าว โดยใช้คำว่า “FAST” เป็นอักษรตัวพิมพ์ใหญ่