โลงบรรจุพระศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขคริสตจักรคาทอลิก ถูกเคลื่อนออกมายังจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ในกรุงโรมเพื่อประกอบพิธีมิสซาในวันนี้ (26 เม.ย.) โดยมีสมาชิกราชวงศ์ตลอดจนผู้นำจากหลายประเทศและชาวคริสต์อีกนับแสนคนเดินทางมาร่วมไว้อาลัยส่งเสด็จฯ โป๊ปเป็นครั้งสุดท้าย
เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างกึกก้องในขณะที่เจ้าพนักงานแบกโลงไม้ที่บรรจุพระศพโป๊ปออกจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์มายังลานจัตุรัสด้านหน้า
เสียงระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มต้นพิธีหลังจากที่ผู้นำรัฐบาลมากกว่า 150 ประเทศเข้านั่งประจำที่ ซึ่งก็รวมถึงประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งเคยปะทะคารมกับโป๊ปฟรานซิสในหลายโอกาส เนื่องจากทั้งคู่มีจุดยืนที่แตกต่างกันอย่างมากในประเด็นผู้อพยพ
พิธีพระศพที่จัดขึ้นกลางแจ้งมีพระคาร์ดินัลจำนวน 220 รูป พระบิชอป 750 รูป และบาทหลวงอีกมากกว่า 4,000 รูปร่วมเข้าร่วม โดยพิธีการในส่วนนี้คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 90 นาที
คริสตชนจำนวนนับแสนคนต่างมุ่งหน้ามายังวาติกันตั้งแต่เวลาเช้าตรู่ และมีหลายคนที่ปักหลักนอนค้างคืนที่นี่ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้จุดชมพิธีที่ดีที่สุด
“เรารอมาตลอดทั้งคืน” มารีอา ฟิเอร์โร ผู้แสวงบุญชาวสเปนคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ “การได้เข้าเฝ้าฯ โป๊ปในนาทีสุดท้ายเป็นสิ่งที่น่าปลาบปลื้มอย่างมาก”
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสสิ้นพระชนม์ในวัย 88 พรรษา เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (21) ด้วยพระอาการหลอดเลือดสมอง และการจากไปของพระองค์ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญต่อคริสตจักรคาทอลิกที่มีผู้ยอมรับนับถือ 1,400 ล้านคนทั่วโลก
ตลอดช่วง 3 วันที่ผ่านมามีประชาชนราว 250,000 คนเดินทางเข้าเคารพพระศพของโป๊ป ซึ่งถูกบรรจุเอาไว้ในโลงเปิดภายในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่สร้างขึ้นเมื่อช่วงศตวรรษที่ 16
ก่อนจะเข้านั่งประจำที่ ทรัมป์ และนาง เมลาเนีย ภริยา ได้เดินทางเข้าไปเคารพพระศพโป๊ปภายในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ โดยโลงบรรจุพระศพนั้นได้ถูกปิดลงตั้งแต่ค่ำวันศุกร์ (25)
ผู้นำอาร์เจนตินา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ฟิลิปปินส์ โปแลนด์ และยูเครน เป็นหนึ่งในบรรดาผู้นำรัฐบาลต่างชาติที่เดินทางมาร่วมไว้อาลัยโป๊ปเป็นครั้งสุดท้าย เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นิวซีแลนด์ และสมาชิกราชวงศ์ในยุโรป
การปรากฏตัวของประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนก็เรียกเสียงปรบมือดังกึกก้องจากประชาชนในจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ขณะที่อดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กับภริยา ก็เป็นแขกวีไอพีคนแรกๆ ที่เดินทางถึงพิธี
ในฐานะสันตะปาปาพระองค์แรกที่ไม่ใช่ชาวยุโรปในรอบเกือบ 1,300 ปี โป๊ปฟรานซิสทรงมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงคริสตจักรคาทอลิกตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ทรงดำรงตำแหน่ง ทรงยืนหยัดเคียงข้างคนยากจนและคนชายขอบ และทรงวิงวอนให้บรรดาชาติร่ำรวยทั้งหลายช่วยเหลือผู้อพยพและแก้ไขความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังทรงเลือกที่จะทิ้งธรรมเนียมเก่าแก่ในการเก็บพระศพโป๊ปในโลง 3 ชั้นที่ทำจากไม้สนไซเปรส ตะกั่ว และไม้โอ๊ค โดยทรงกำหนดให้ใส่พระศพเอาไว้ในโลงไม้ชั้นเดียวที่บุด้วยสังกะสี ซึ่งสะท้อนถึงพระอุปนิสัยอันอ่อนน้อมถ่อมตนของพระองค์
โป๊ปฟรานซิสยังจะเป็นสันตะปาปาพระองค์แรกที่ถูกฝังนอกวาติกันในรอบกว่า 100 ปี โดยทรงระบุเอาไว้ในพินัยกรรมให้นำพระศพไปฝังที่มหาวิหารเซนต์แมรีเมเจอร์ (Basilica of St. Mary Major) ที่อยู่ห่างออกไปจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ประมาณ 5.5 กิโลเมตร
ที่มา: รอยเตอร์