อดีตหัวหน้าสำนักงานความปลอดภัยทางไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐานสหรัฐฯ (CISA) ออกมาโพสต์เตือนในวันศุกร์ (25 เม.ย.) ว่า การที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไล่ปลดเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านไซเบอร์กำลังทำให้ระบบป้องกันทางดิจิทัลของสหรัฐฯ ตกอยู่ในความเสี่ยง
ทรัมป์ ได้มีคำสั่งไล่ออกเจ้าหน้าที่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ 2 คน และยังสั่งสอบสวน คริสโตเฟอร์ เครบส์ อดีตหัวหน้า CISA ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่เสี่ยง “บ่อนทำลาย หรือแม้กระทั่งเป็นการใช้อำนาจทางการเมืองเล่นงานระบบนิเวศทางไซเบอร์ของรัฐบาลกลาง ซึ่งเราจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้” อ้างอิงจากคำพูดของ เจน อีสเตอร์ลีย์ อดีตหัวหน้า CISA ที่เข้ามารับตำแหน่งต่อจาก เครบส์ และตัดสินใจลาออกไปเมื่อเดือน ม.ค.
อีสเตอร์ลีย์ ยังโพสต์ข้อความผ่าน LinkedIn ด้วยว่า ประชาคมความปลอดภัยไซเบอร์ทั้งหมด รวมถึงหุ้นส่วนของสหรัฐฯ ในต่างประเทศ กำลังได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของทรัมป์
“เมื่อผู้นำที่มีประสบการณ์ถูกปลดออกไป และตำแหน่งสำคัญๆ ว่างลง ระบบป้องกันทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ จึงเสี่ยงที่จะอ่อนแอลงอย่างมาก” เธอกล่าว
CISA ยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับคำพูดของ อีสเตอร์ลีย์ ขณะที่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NSA ก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเช่นกัน
การที่ ทรัมป์ สั่งปลด พล.อ.อ. ทิโมธี ฮอว์ ซึ่งเป็นหัวหน้า NSA และกองบัญชาการไซเบอร์ รวมถึง เวนดี โนเบิล ที่เป็นรองของเขา บวกกับการประกาศสอบสวน เครบส์ และยังใช้มาตรการจำกัดต่อบริษัท SentinelOne ซึ่งเป็นนายจ้างของ เครบส์ ในขณะนั้น สร้างความตกตะลึงไปทั่วอุตสาหกรรมความมั่นคงไซเบอร์ และแม้จะไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน แต่ดูเหมือนว่านี่จะเป็นสไตล์ของ ทรัมป์ ในการใช้อำนาจรัฐเป็นเครื่องมือลงโทษบุคคลใดก็ตามที่เขาเชื่อว่าไม่จงรักภักดีต่อตนเอง
บริษัทความมั่นคงไซเบอร์หลายแห่งในสหรัฐฯ ต่างปิดปากเงียบไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ โดยรอยเตอร์ได้พยายามติดต่อสอบถามไปยังบริษัทไซเบอร์ชั้นนำ 33 แห่งในสหรัฐฯ แต่ปรากฏว่าไม่มีบริษัทไหนที่ยอมให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีของ เครบส์ และ SentinelOne เลยแม้แต่รายเดียว
อีสเตอร์ลีย์ เอ่ยทิ้งท้ายว่า บรรดาผู้นำในอุตสาหกรรมความมั่นคงไซเบอร์ไม่ควรจะนิ่งเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
“ถ้าคุณยอมให้มีการสั่งปลดเจ้าหน้าที่รัฐที่อุทิศตนทำงานเพื่อชุมชนโดยไม่ปริปากพูดอะไรเลย นั่นเท่ากับว่าเราไม่ได้ปกป้องความมั่นคงของชาติ แต่กำลังปล่อยปละละเลยมัน” เธอกล่าว
ที่มา: รอยเตอร์
