ปากีสถานประกาศปิดน่านฟ้าห้ามสายการบินของอินเดียเดินทางผ่าน พร้อมคัดค้านมาตรการของอินเดียที่ระงับข้อตกลงว่าด้วยการแบ่งปันน้ำในแม่น้ำสินธุเมื่อวานนี้ (24 เม.ย.) โดยเป็นการตอบโต้ความเคลื่อนไหวของอินเดียหลังเกิดเหตุกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์กราดยิงนักท่องเที่ยวที่แคชเมียร์
ดินแดนแคชเมียร์ถือเป็นต้นตอข้อพิพาทระหว่างอินเดียกับปากีสถานที่ต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนทั้งหมด แต่แบ่งกันปกครองในทางปฏิบัติ เหตุความไม่สงบที่ดำเนินมานานหลายปีได้คร่าชีวิตพลเรือนไปแล้วนับหมื่นคน แม้สถานการณ์จะเริ่มสงบลงไปบ้างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ตาม
อินเดียและปากีสถานเคยทำสงครามกันมาแล้ว 3 ครั้ง และเหตุการณ์ล่าสุดนี้ก็ทำให้สายสัมพันธ์ระหว่าง 2 เพื่อนบ้านที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ตกต่ำลงที่สุดในรอบหลายปี
กลุ่มติดอาวุธได้กราดยิงนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 26 คนที่จุดชมธรรมชาติพาฮัลกัม (Pahalgam) แถบเทือกเขาหิมาลัยในดินแดนแคชเมียร์ฝั่งอินเดียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (22) ซึ่งถือเป็นการโจมตีพลเรือนครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับอินเดีย นับตั้งแต่เหตุกราดยิงที่มุมไบเมื่อปี 2008
นิวเดลียืนยันว่า เหตุโจมตีครั้งนี้มี “เหตุปัจจัยข้ามแดน” มาเกี่ยวข้อง และประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับปากีสถานในวันพุธ (23) รวมถึงระงับสนธิสัญญาว่าด้วยการแบ่งปันน้ำในแม่น้ำสินธุที่ทำไว้เมื่อปี 1960 และปิดจุดผ่านแดนทางบกที่มีอยู่เพียงแห่งเดียว
ตำรวจอินเดียได้เผยแพร่รายชื่อ 3 ผู้ต้องสงสัยซึ่ง 2 คนเป็นพลเมืองปากีสถาน แต่ก็ไม่ได้แสดงหลักฐานยืนยันหรือรายละเอียดเพิ่มเติมใดๆ
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (24) รัฐบาลปากีสถานได้ตอบโต้ด้วยการสั่งห้ามสายการบินอินเดียผ่านเข้าน่านฟ้า ระงับการค้าทั้งหมดกับอินเดียซึ่งรวมถึงการค้าผ่านประเทศที่ 3 และยังงดออกวีซ่าเอเชียใต้ที่ให้สำหรับพลเมืองอินเดียเป็นกรณีพิเศษด้วย
อิสลามาบัดยังขอใช้สิทธิระงับข้อข้อตกลงทวิภาคีทุกอย่างที่ทำร่วมกับอินเดีย รวมถึงข้อตกลงซิมลาปี 1972 จนกว่านิวเดลีจะหยุดการกระทำอันเป็นการ “ส่งเสริมลัทธิก่อการร้ายในปากีสถาน” ตามถ้อยแถลงจากสำนักนายกรัฐมนตรีปากีสถาน
ข้อตกลงซิมลาเป็นข้อตกลงที่เกิดขึ้นภายหลังสงครามครั้งที่ 3 ระหว่างอินเดียกับปากีสถาน โดยกำหนดหลักการพื้นฐานสำหรับบริหารจัดการความสัมพันธ์ทวิภาคี รวมถึงให้ทั้ง 2 ฝ่ายเคารพแนวเส้นหยุดยิงในแคชเมียร์
รัฐบาลปากีสถานยังประกาศ “คัดค้านอย่างรุนแรง” หลังจากที่อินเดียระงับข้อตกลงแบ่งปันน้ำในแม่น้ำสินธุ และเตือนว่าความพยายามใดๆ ก็ตามที่จะหยุดหรือเปลี่ยนแปลงเส้นทางน้ำที่เป็นของปากีสถาน “จะถือเป็นการก่อสงคราม และจะถูกตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยอำนาจแห่งชาติทั้งหมดที่มี”
ปากีสถานจำเป็นต้องพึ่งพาน้ำจากแม่น้ำสินธุที่ไหลมาจากอินเดียเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าและชลประทาน ดังนั้นการระงับข้อตกลงจึงอาจทำให้อินเดียสามารถปิดกั้นส่วนแบ่งน้ำที่ปากีสถานควรจะได้รับ
ท่าทีของปากีสถานมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดียออกมาประกาศจะตามล่าตัวและลงโทษมือปืนติดอาวุธกลุ่มนี้ และหลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศอินเดียได้ระงับบริการออกวีซ่าสำหรับพลเมืองปากีสถาน รวมถึงเพิกถอนวีซ่าทั้งหมดที่ออกไปแล้วด้วย
ที่มา: รอยเตอร์