ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงท่าทีปฏิเสธข้อเสนอขึ้นภาษีพวกมหาเศรษฐี อ้างว่านโยบายดังกล่าวอาจทำให้บรรดาคนร่ำคนรวยหนีออกจากสหรัฐฯ
"ผมคิดว่ามันจะปั่นป่วนอย่างมาก เพราะว่าจะมีมหาเศรษฐกิจจำนวนมากออกจากประเทศไป" ทรัมป์ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในห้องทำงานรูปไข่เมื่อวันพุธ(23เม.ย.) "คนจะสูญเงินมหาศาล ถ้าคุณทำเช่นนั้น"
บรรดาพันธมิตรของทรัมป์ อาทิ สตีฟ แบนนอน สนับสนุนขึ้นภาษีคนรวย แต่ประธานาธิบดีไม่ขานรับจุดยืนนี้ โดย ทรัมป์ ชี้ว่ามาตรการรีดภาษีจะเข้ามาชดเชยภาษีเงินได้ แม้พวกนักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการปรับเพิ่มเพดานภาษี จะทำให้รายได้ลดลงอย่างมากและบรรดาครอบครัวที่มีรายได้ในระดับต่ำอาจต้องเจอภาระหนักกว่าเดิม
ความเห็นของทรัมป์มีขึ้นในช่วงต้นของการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนกับสภาคองเกรส เกี่ยวกับแนวทางการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง
ทรัมป์ หยิบยกมาตรการปรับลดภาษีเป็นแกนหลักในนโยบายหาเสียงของเขา ในนั้นรวมถึงเสนอยกเลิกภาษีทิปและผลประโยนช์จากการประกันสังคม
สมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส โต้แย้งว่าแผนปรับลดภาษีของทรัมป์ เล็งเป้าอย่างเจาะจงมอบผลประโยชน์อย่างไม่สมสัดสมส่วนกับพวกคนรวย เนื่องจากอีกด้านหนึ่ง ทรัมป์ ปรับลดการใช้จ่ายสำหรับชนชั้นแรงงน
"ประธานาธิบดีทรัมป์ และสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกัน เพิ่มค่าครองชีพแก่พวกคนทำงาน พรากประกันสุขภาพไปจากพวกเขา และคุกคามสิทธิประโยชน์ด้านประกันสังคมที่ได้มาโดยความเหนื่อยยากของพวกผู้อาวุโส แต่ขณะเดียวกันกลับหาทางลดภาษีหลายล้านล้านดอลลาร์ให่แก่พวกคนรวย" ชัค ชูเมอร์ แกนนำพรรคเดโมแครต ในวุฒิสภาระบุ
จากผลสำรวจของสถาบันวิจัยพิว พบว่าเวลานี้อเมริกันชนส่วนใหญ่มั่นใจเพียงเล็กน้อนหรือไม่มั่นใจเลย ต่อแนวทางบริหารจัดการเศรษฐกิจของทัมป์ โดยเกือบ 6 ใน 10 ไม่พอใจมาตรการรีดภาษีที่เขาประกาศบังคับใช้ และคาดการณ์ว่าความมืดมิดทางเศรษฐกิจกำลังรออยู่เบื้องหน้า
ขณะเดียวกันตลาดหุ้นสหรัฐฯและดอลลาร์ต่างก็ดิ่งลง จากนโยบายรีดภาษีของทรัมป์ และต่อกรณีที่เขาดูหมิ่น เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนคารกลางสหรัฐฯ แม้ล่าสุดเมื่อวันอังคาร(22เม.ย.) ทรัมป์ ยืนยันว่าเขาไม่มีความตั้งใจไล่ พาวเวลล์ ออกจากตำแหน่ง
ในวันพุธ(23เม.ย.) ทรัมป์ เน้นย้ำเสียงเรียกร้องที่ขอให้ธนาคารกลางสหรัฐฯปรับลดดอกเบี้ยลง ด้วยคาดหมายว่ามันจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่เขาบอกว่ายังไม่ได้คุยกับพาวเวลล์ "ผมยังไม่ได้โทรศัพท์หาเขา บางทีผมอาจโทรไป"
(ที่มา:ยูเอสเอทูเดย์)