กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้เมื่อวันอังคาร (22 เม.ย.) พร้อมเตือนความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น สืบเนื่องจากผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกของมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ นำมาใช้
การประเมินของ IMF ซึ่งนำมาตรการภาษีบางส่วนที่ถูกประกาศในปีนี้มาคิดคำนวณ ระบุว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัวเพียง 2.8% ลดลง 0.5% จากคาดการณ์ World Economic Outlook (WEO) เมื่อช่วงเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา
สำหรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าอยู่ที่ 3.0% ซึ่งก็ลดลง 0.3% จากที่ประเมินไว้เมื่อเดือน ม.ค.
“เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ระบบเศรษฐกิจโลกซึ่งดำเนินมาตลอด 80 ปีกำลังถูกรีเซ็ต” ปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชาส์ (Pierre-Olivier Gourinchas) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ IMF ให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวานนี้ (22)
“หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ความตึงเครียดทางการค้าและความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง” เขากล่าว พร้อมชี้ว่ามาตรการรีดภาษีที่สหรัฐฯ ประกาศทำให้ IMF ต้องปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของการค้าโลกลงมาแล้วกว่าครึ่งปีนี้
รายงาน WEO ได้รับการเผยแพร่ในระหว่างที่บรรดาผู้นำด้านการเงินโลกเดินทางเข้าร่วมการประชุมระหว่างธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (World Bank and IMF Spring Meetings) ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของทั้ง 2 สถาบันซึ่งอยู่ห่างจากทำเนียบขาวเพียงไม่กี่ก้าว
เนื่องจากคำสั่งรีดภาษีของ ทรัมป์ นั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา IMF จึงได้ประกาศใช้ข้อมูล ณ วันที่ 4 เม.ย. ซึ่งก็หมายความว่า ตัวเลขคาดการณ์เหล่านี้ยังไม่นับรวม “กระสุนภาษี” ที่ ทรัมป์ เล่นงานจีนอย่างรัวๆ จนทำให้ฐานภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้าแดนมังกรพุ่งขึ้นไปถึง 145% แล้วในตอนนี้
IMF ยอมรับว่า หากมาตรการเหล่านี้ยังคงอยู่ต่อไปเรื่อยๆ เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เสียอีก
ในรายงานอีกฉบับที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ (22) IMF เตือนว่า คำสั่งรีดภาษีแบบชักเข้าชักออกของ ทรัมป์ กำลังเพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินโลก
“ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยมีปัจจัยจากสภาวะทางการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ” IMF ระบุในรายงาน Global Financial Stability Report ฉบับล่าสุด
ในรายงาน WEO ฉบับล่าสุด IMF ได้หั่นคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลงเหลือเพียง 1.8% สำหรับปีนี้ หรือลดลง 0.9% จากที่คาดการณ์เมื่อเดือน ม.ค.
ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวต่อเนื่อง และเติบโตเพียง 1.7% ในปี 2026
IMF ยังปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐฯ ในปีนี้เป็น 3.0% และ 2.5% ในปีหน้า
ในส่วนของประเทศคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ อย่างเม็กซิโก แคนาดา และจีน ก็คาดว่าจะได้รับผลกระทบไม่น้อยจากคำสั่งรีดภาษีของ ทรัมป์
IMF ประเมินว่าเศรษฐกิจของจีนในปีนี้จะเติบโตเพียง 4.0% ลดลงจาก 5.0% ในปี 2024 เนื่องจากมาตรการอัดฉีดของรัฐบาลยังไม่สามารถลดทอนผลกระทบจากอัตราภาษีใหม่ได้
เศรษฐกิจของเม็กซิโกคาดว่าจะหดตัว 0.3% ในปีนี้ ขณะที่ญี่ปุ่นซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกจะเติบโตได้เพียง 0.6% ในปีนี้และปีหน้า ตามคาดการณ์ของ IMF
ผลกระทบจากการรีดภาษียังกระเทือนไปถึงบรรดาชาติยุโรป โดย IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของกลุ่มยูโรโซนเหลือ 0.8% ในปี 2025 และ 1.2% ในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจเยอรมนีนั้นคาดว่าจะไม่มีการขยายตัวเพิ่มเลยในปีนี้
ในส่วนของประเทศไทย IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้เหลือเพียง 1.8% ซึ่งถือว่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากที่ประเมินเอาไว้ 2.9% ในช่วงเดือน ม.ค. โดยในกลุ่มอาเซียนนั้นไทยถือเป็นประเทศเดียวที่ IMF หั่นคาดการณ์เหลือไม่ถึง 2% และยิ่งไปกว่านั้น เศรษฐกิจไทยในปีหน้าก็ยังคาดว่าจะเติบโตต่ำลงเหลือเพียง 1.6% ด้วย
ที่มา: รอยเตอร์, Kaohoon