สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงกลับคืนสู่พระหัตถ์อบอุ่นแห่งพระผู้เป็นเจ้าในวันอีสเตอร์มันเดย์ 21 เมษายน 2025 โดยฝากความทรงจำดีงามมากมายไว้ในดวงใจของเยาวชนคาทอลิก ซึ่งสกายนิวส์ สื่อยักษ์ชั้นแนวหน้าของยุโรประบุว่า แม้โป๊ปฟรานซิสจะมีพระชนมายุแก่เฒ่านักหนา แต่ทรงป๊อปปูลาร์สูงยิ่งในแวดวงหนุ่มสาวและเด็กน้อยชาวคาทอลิก
ปรากฏการณ์น่าชื่นชมนี้เป็นผลจากพระบุคลิกและพระวิสัยทัศน์อันเปี่ยมเมตตาและใจกว้าง ตลอดจนพระโลกทัศน์หัวก้าวหน้าซึ่งทรงยอมรับความหลากหลายได้อย่างมหาศาล
พระสันตะปาปาฟรานซิส ผู้ทรงเป็นโป๊ปองค์ที่ 266 ของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงฉีกแนวออกจากโป๊ปพระองค์ต่างๆ รวมถึงโป๊ปเบเนดิกต์ซึ่งทรงลาออก และหลังจากนั้น ชาวคาทอลิกก็ได้โป๊ปฟรานซิสเป็นสันตะปาปา และเป็นปะป๊าทางจิตวิญญาณ ผู้ทรงออกโรงต่อสู้คัดค้านความไม่ถูกต้อง การใช้ความรุนแรงบีฑาเพื่อนมนุษย์ ตลอดจนทรงเลิกเอาใจคนรวย แล้วให้ความสำคัญแก่คนยากจน เป็นที่ประทับใจของเยาวชนเจเนอเรชันใหม่ๆ
ยิ่งกว่านั้น โป๊ปฟรานซิสทรงเปิดกว้างมากขึ้นให้แก่ความหลากหลายทางเพศ ทรงโอบกอดต้อนรับชาว LGBTQ แม้จะไม่ถึงกับยอมรับเต็มที่เพราะพระศาสนจักรมีข้อกำหนดห้ามไว้ตั้งแต่ยุคโบราณ ในเวลาเดียวกัน โป๊ปฟรานซิสทรงเรียกร้องให้สัตบุรุษใส่ใจช่วยกันแก้ไขวิกฤติโลกร้อน อีกทั้งยังอ้อนวอนขอร้องออกสื่ออย่างตรงไปตรงมาว่า ขอให้การเข่นฆ่าประชาชนในฉนวนกาซ่ายุติโดยเร็ว สกายนิวส์รายงาน
แม้แต่ความผิดพลาดแต่เก่าก่อนที่ศาสนาคริสต์เคยมีส่วนร่วมในยุคล่าอาณานิคมบนผืนแผ่นดินลาตินอเมริกา โป๊ปฟรานซิสก็ทรงขออภัยในนามของวาติกัน ในคราวเสด็จเยือนประเทศโบลิเวียเมื่อปี 2013 และอีกครั้งหนึ่งในปี 2022 โป๊ปก็ทรงขออภัยที่พระศาสนจักรโรมันคาทอลิกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตั้งโรงเรียนประจำในแคนาดาเมื่อสองร้อยปีก่อนเพื่อจะเปลี่ยนแปลงคนพื้นเมืองให้หันมาเป็นชาวคริสต์
สกายนิวส์รายงานว่าแม้ความเคลื่อนไหวทั้งสองประการนี้ ส่งผลให้กลุ่มต่างๆ ในพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกรู้สึกบาดหมางต่อพระองค์ แต่อานิสงส์จากเรื่องนี้ส่งให้สาธารณชนหันมาชื่นชมในวิสัยทัศน์ของพระองค์กันอย่างกว้างขวาง
ทั้งนี้ ในการสำรวจความคิดเห็นของชาวคาทอลิกที่อังกฤษเมื่อปี 2020 พบว่า 50% เห็นว่าโป๊ปฟรานซิสทรงสร้างความเปลี่ยนแปลง “เพื่อสิ่งที่ดีขึ้น” และมีเพียง 7% ที่ไม่เห็นด้วย
“สื่อมวลชนทั่วโลกแห่กันรายงานข่าวโป๊ปฟรานซิสในทางชื่นชมสนับสนุนอย่างยิ่ง ตั้งแต่วันแรกกันเลยครับ” กล่าวโดย ศ.ดร.สตีเฟน บูลลิแวนต์ แห่งมหาวิทยาลัยเซนต์แมรี ทวิกเคนแฮม กรุงลอนดอน ซึ่งเชี่ยวชาญด้านสังคมวิทยาศาสนา และเป็นผู้รับผิดชอบการทำเซอร์เวย์ดังกล่าว
“ผู้คนจะประทับใจกันว่าโป๊ปทรงเปี่ยมอารมณ์ขัน ทรงมีเมตตากรุณา ทรงมีหัวก้าวหน้า และทรงใส่ใจต่อวิกฤติการณ์สิ่งแวดล้อม คือเรียกได้ว่าพระองค์ทรงมี “แบรนด์” ซึ่งเป็นที่ชื่นชม ดังนั้น ภาพลักษณ์ของโป๊ปคือ ‘ทรงมุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น’ น่ะครับ” ดอกเตอร์สตีเฟน บูลลิแวนต์ กล่าวกับสกายนิวส์
โป๊ปฟรานซิสทรงฉีกแนวจากพระสันตะปาปาท่านอื่นๆ แห่งศักราชเก่าก่อน โดยทรงปฏิเสธความมั่งคั่งร่ำรวย และโอบกอดต้อนรับบรรดาผู้ที่ดำรงชีพในความยากจน รศ.ดร.เจมส์ เคลลี แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์คาทอลิก มหาวิทยาลัยเดอแรม ให้ข้อมูลอย่างนั้น
“เรื่องนี้เป็นเพราะภูมิหลังของพระองค์ครับ โป๊ปทรงบวชในคณะสงฆ์เยสุอิต ซึ่งถือศีลยากจน และพระองค์ทรงยืนยันในเรื่องนี้หลายครั้ง” อาจารย์เคลลีเล่าไว้กับสกายนิวส์
โป๊ปฟรานซิสทรงเป็นปากเสียงให้แก่คนยากจนและผู้ด้อยโอกาสมาโดยตลอด และทรงเป็นโป๊ปนักปฏิรูปผู้สามารถเอาชนะแรงต้านทานอันเกรี้ยวกราด จนกระทั่งสามารถปรับโฉมของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกได้อย่างมากมาย ซีเอ็นเอ็น สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา สรุปชีวิตอันยิ่งใหญ่แห่งพระสันตะปาปาฟรานซิส ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวโลกมากกว่า 1,200 ล้านชีวิต
โดยซีเอ็นเอ็นยกตัวอย่างอันเด็ดดวง ได้แก่ กรณีสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงช่วยเหลือสนับสนุนผู้อพยพอย่างเต็มที่ไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย และดังนั้น ในหลายเดือนที่ผ่านมา พระองค์ออกโรงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเนรเทศผู้อพยพอย่างขนานใหญ่ อันที่จริง โป๊ปทรงติเตียนทรัมป์มาตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 โดยทรงออกโรงเตือนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในสหรัฐฯ ว่าขอให้ออกไปโหวตตามจิตสำนึก และตัดสินใจว่าใครคือคนชั่วร้ายน้อยกว่า
หลังจากที่ไฝว้ข้ามทวีปจิกกัดพันตูกัน รองประธานาธิบดีเจ.ดี.แวนซ์ ซึ่งเป็นชาวคาทอลิกระยะแรก (เพิ่งได้รับศีลล้างบาปเมื่อปี 2019 หลังจากที่ดำรงตนเป็นผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้ามาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ขบคิดเรื่องพระเจ้าเป็นระยะๆ ไม่ได้ขาด และแล้วในวันดีๆ วันหนึ่ง ก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสแห่งพระผู้เป็นเจ้า) ได้รับการเชิญจากโป๊ปให้ไปสนทนากันเบาๆ เนื่องในโอกาสวันฉลองอีสเตอร์ ณ อีสเตอร์ซันเดย์ 20 เมษายน 2025
รายงานหลายค่ายข่าวบอกว่า มีตติ้งนี้เป็นการพบปะกันอย่างส่วนตัว (สนทนาประสาคนคาทอลิกด้วยกัน รวมไม่ถึงสิบนาที) ไม่มีการถกในเรื่องการเมืองแม้แต่น้อย และเจ.ดี.แวนซ์กล่าวลาโดยกราบทูลว่า
“ผมจะสวดภาวนาถวายพระองค์ครับ ขอพระเจ้าอวยพระพรนะครับ” ซีเอ็นเอ็นเล่าไว้อย่างนั้น
แล้วซีเอ็นเอ็นเล่าแถมด้วยว่า ที่ผ่านมา โป๊ปฟรานซิสและคำเทศน์สอนของพระองค์ซึ่งเล่นงานกระแสฮึกเหิมของประชานิยมแนวชาตินิยม ทำให้โป๊ปทรงมักที่จะถูกเตะตัดขาโดยกลุ่มพลังคาทอลิกสายอนุรักษนิยมในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นกลุ่มผลประโยชน์ที่ทรงอำนาจอย่างอุกฤษฎ์ในระดับโลก
ในด้านการปฏิรูปและแปลงโฉมพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก โป๊ปฟรานซิสก็ทรงดำเนินการอย่างกล้าหาญเอาจริง ทรงออกมาตรการหลายซีรีส์ในอันที่จะกวาดล้างคอร์รัปชันทางการเงินภายในวาติกัน ทรงแก้ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศที่ระบาดในแวดวงนักบวช รวมทั้งออกกฎหมายเอาผิดบิชอปที่ช่วยปกปิดผู้กระทำผิดด้วย
นอกจากนั้น พระองค์ยังขยายบทบาทของสตรีที่ปฏิบัติงานในวาติกัน และให้อำนาจแก่พระสงฆ์ในการมอบพระหรรษทานแห่งพระผู้เป็นเจ้า แก่สัตบุรุษที่มีคู่ครองชีวิตเป็นบุคคลเพศเดียวกัน ซีเอ็นเอ็นรายงานไว้อย่างละเอียด
พร้อมกันนั้น โป๊ปฟรานซิสยังมอบอำนาจแก่พระสงฆ์ในการอภัยบาปแก่ผู้ที่เคยทำแท้ง ซึ่งเป็นบาปโทษร้ายแรง (จากเดิม เป็นอำนาจของบิชอปขึ้นไปเท่านั้น) โดยที่ว่าถ้าบุคคลเหล่านั้นตั้งใจจริงที่จะได้รับการอภัยจากพระผู้เป็นเจ้าและกลับเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า โป๊ปก็ถือว่าพวกเขาจะต้องไม่ประสบกับอุปสรรคขัดขวาง เอพีรายงานไว้เมื่อ 21 พฤศจิกายน 2016
การดำเนินงานที่สำคัญอย่างยิ่งของโป๊ปฟรานซิสคือ ทรงสร้างสะพานบุญไปยังโลกมุสลิม อีกทั้งยังทรงก้าวเข้าไปสร้างสันติสุขในความขัดแย้งทางการเมืองระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสู้รบในยูเครน และในตะวันออกกลาง
ความเมตตาเข้าไปปฏิรูปด้านต่างๆ เหล่านี้ ส่งผลให้พระองค์ถูกต่อต้านจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมสุดโต่งซึ่งอยู่ภายในองค์กรพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก
แต่ในขณะเดียวกันฝ่ายที่ต้องการการปฏิรูป อาทิ ชาวแคทอลิกหัวก้าวหน้า ก็เรียกร้องให้โป๊ปฟรานซิสเดินหน้าเปลี่ยนแปลงสถานภาพของพระสงฆ์ ด้วยการอนุญาตให้บุรุษที่มีภรรยา สามารถบวชเป็นพระสงฆ์ ตลอดจนเปิดโอกาสให้นักบวชนำเอาเรื่องเกี่ยวกับความรักและการครองคู่ระหว่างคนเพศเดียวกัน เข้าไปอบรมสั่งสอนได้ด้วย
ปัญหาหนักที่โป๊ปฟรานซิสยังต่อสู้และแก้ไขไม่สำเร็จ แม้จะมีการออกมาตรการจริงจังมาหลายซีรีส์แล้วก็ตาม คือ ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก และการล่วงละเมิดในด้านอื่นๆ ที่สร้างความเสียหายต่อพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกอย่างสาหัส ดังจะเห็นข่าวอื้อฉาวเหล่านี้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข่าวเรื่องพระคาทอลิกตุ๋ยเด็กชาย) ผุดขึ้นในประเทศต่างๆ ตลอด 12 ปีที่โป๊ปฟรานซิสทรงเป็นประมุขของชาวคาทอลิกทั่วโลก
การดำเนินงานอันมากมายของโป๊ปฟรานซิส มหาบุรุษแห่งราศีธนู ได้ส่งอานิสงส์ให้มหาชนชาวโลกหันมามองพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกด้วยสายตาอย่างใหม่ ในทางชื่นชม จำนวนประชากรที่นับถือศาสนาโรมันคาทอลิกทวีขึ้นอย่างมากมาย ในห้วง 12 ปีที่โป๊ปฟรานซิสทรงเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสหรัฐอเมริกา
ในการนี้ ฝ่ายต่างๆ จึงให้ความเห็นสอดคล้องกันว่า พระสันตะปาปาพระองค์ใหม่น่าจะปฏิบัติงานด้วยความลำบากใจ ในเมื่อมาตรฐานเชิงจริยธรรมและวิสัยทัศน์ที่โป๊ปฟรานซิสพัฒนาไว้นั้น ยากอย่างยิ่งที่จะเจริญรอยตาม
ในระยะเวลา 15-20 วันข้างหน้า จะเป็นห้วงที่ชาวโลกจับตาว่า ภายใต้โครงสร้างของวาติกันที่ได้รับการปฏิรูปจากโป๊ปฟรานซิส พระคาร์ดินัลที่มีโอกาสจะได้รับหัวโขนโป๊ปของชาวโลก มีความหลากหลายเหลือเกิน
พระสันตะปาปาองค์ใหม่จะเป็นพระคาร์ดินัล 135 ท่านจากกว่า 90 ชาติ และอาจหมดยุคแล้วที่ โป๊ปจะเป็นคนยุโรป กระแสลุ้นมีสูงว่าประมุขโรมันคาทอลิก“เป็นชาวผิวดำ หรือชาวเอเชีย”
การประชุมเพื่อเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ เป็นการโหวตแบบปิดลับรอบแล้วรอบเล่า (ที่เรียกว่า Conclave ซึ่งมาจากภาษาละติน หมายถึง “โดยอาศัยกุญแจ” อันเป็นการบ่งบอกว่านี่เป็นการโหวตแบบปิด) ว่าพระคาร์ดินัลทั้งปวงจะเลือกพระคาร์ดินัลท่านใดขึ้นเป็นประมุขพระองค์ใหม่ของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก
ทั้งนี้ ผลการโหวตจะสรุปสุดท้ายได้ ต่อเมื่อมีพระคาร์ดินัลท่านหนึ่งที่พระคาร์ดินัลอื่นๆ มากกว่า 2 ใน 3 ร่วมใจกันเลือกขึ้นมา ปรากฏการณ์ในอดีตพบว่า โดยส่วนใหญ่ มักใช้เวลาสองสามวัน แต่ Conclave ในปี 1922 ใช้เวลามากถึง 5 วันกันเลยทีเดียว
เดอะการ์เดียนรายงานอย่างนั้น พร้อมให้ข้อมูลว่า ตัวเลขพระคาร์ดินัลทั้งหมดในปัจจุบันอยู่ที่ 250 ท่านจากประเทศต่างๆ มากกว่า 90 ประเทศ แต่พระคาร์ดินัลที่อายุไม่เกิน 80 ปี จึงจะได้ปฏิบัติหน้าที่นี้ ซึ่งก็คือจำนวนประมาณ 135 ท่าน ดังนั้น โป๊ปพระองค์ใหม่จะเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากพระคาร์ดินัลไม่น้อยกว่า 90 ท่าน
ในการนี้ พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช วัย 75 ปี ซึ่งได้รับการสถาปนาโดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เป็นพระคาร์ดินัลในปี 2015 จะเข้าร่วมใน Conclave ปี 2025 ด้วย
ข้อมูลที่น่าจับตาคือ ในจำนวนพระคาร์ดินัล 135 ท่าน มีอยู่ 110 ท่านเป็นผู้ที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงแต่งตั้งในห้วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์สอดคล้องกับพระองค์ คือ พระศาสนจักรโรมันคาทอลิกจะเปิดกว้างให้ครอบคลุมออกไปอย่างทั่วถึง
เมื่อบรรดาพระคาร์ดินัลไปถึงนครรัฐวาติกัน ทุกท่านจะเข้าพักที่ คาซา ซานตา มาร์ตา ซึ่งเป็นเกสต์เฮาส์ 5 ชั้น ภายในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์แห่งนครวาติกัน
หลังจากนั้น การเลือกตั้งแบบปิดลับจะมีขึ้นในโบสถ์น้อยซิสทีน ภายใต้หลังคาแห่งภาพเขียนอันลือเลื่องของไมเคิลแอนเจโล และจุดเริ่มต้นของกระบวนการ Conclave คือ เมื่อมีเสียงประกาศว่า extra omnes หรือก็คือทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องเชิญออกไป และจะเหลือเพียงพระคาร์ดินัลผู้มีสิทธิ์เลือก กับคณะเจ้าหน้าที่ไม่กี่ราย และทีมแพทย์ หลังจากนั้น ประตูทุกบานจะถูกล็อก เดอะการ์เดียนรายงานอย่างนั้น
พระคาร์ดินัลทุกท่านประกาศคำสาบานที่จะเก็บความลับอย่างสมบูรณ์ และจะไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับโลกภายนอกตลอดช่วงแห่งกระบวนการเลือกตั้ง ทุกท่านจะไม่ได้ใช้โทรศัพท์ พร้อมนี้ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ จดหมาย หรือข้อความสื่อสารทั้งหลายต้องงดทั้งหมด ยิ่งกว่านั้น โบสถ์น้อยอันทรงคุณค่าของโลกจะถูกตรวจจับหาเครื่องดักฟัง ทั้งก่อนและระหว่างกระบวนการ Conclave
การโหวตมีขึ้นทุกวัน เช้า และบ่าย จนกว่าจะได้พระคาร์ดินัลที่มีผู้สนับสนุนมากถึง 2 ใน 3 โดยจะมีเบรกด้วยการสวดมนต์ในระหว่างวัน และทุกๆ 7 ครั้งที่ทำการโหวต จะเบรกด้วยการภาวนาเข้าสู่ความสงบเพื่อสำรวจกระแสแห่งพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
ทั้งนี้ การโหวตแต่ละรอบ ใช้วิธีเขียนชื่อพระคาร์ดินัลที่ต้องการเลือก เขียนบนกระดาษโหวตซึ่งบนหัวกระดาษมีข้อความพิมพ์ไว้ว่า eligo in summum pontificem หรือก็คือ ข้าพเจ้าเลือกให้เป็นโป๊ป เมื่อเขียนแล้ว ก็พับและหย่อนลงในถ้วยกาลิกส์ (ถ้วยโลหะที่ใช้ใส่แผ่นศีลและเหล้าองุ่นในพิธีบูชาขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้า)
บัตรเพื่อเขียนชื่อพระคาร์ดินัลในกระบวนการโหวตเลือกโป๊ปพระองค์ใหม่นี้ ถือเป็นความลับ แต่นั่นมิได้หมายความว่ากระบวนการนี้จะปลอดจากการฮั้ว การใช้เล่ห์กล ตลอดจนการล็อบบี้ล่วงหน้ามาแล้วอย่างครบครัน เดอะการ์เดียน สื่อหัวเอียงซ้าย ระบุไว้อย่างนั้น
คอลัมน์ PLANET No.3
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: สกายนิวส์ ซีเอ็นเอ็น เอพี เดอะการ์เดียน เดลิเมลออนไลน์)