ชาวคริสต์นิกายคาทอลิกเดินออกจากโบสถ์ในเมืองลวิฟ (Lviv) ของยูเครนหลังเสร็จสิ้นพิธีมิสซาเมื่อวันจันทร์ (21 เม.ย.) โดยต่างมีสีหน้าโศกเศร้าต่อข่าวการสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
อย่างไรก็ตาม พวกเขาหลายคนยอมรับว่ายังรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดที่โป๊ปไม่ได้ทรงประกาศยืนข้างฝ่ายยูเครนในสงครามที่รัสเซียเป็นผู้ก่อขึ้น
โป๊ปฟรานซิสเคยประทานสัมภาษณ์ต่อสื่อสวิตเซอร์แลนด์ในปี 2024 โดยทรงแนะให้ชาวยูเครน "กล้าหาญพอที่จะยกธงขาว" และแสวงหาสันติภาพเพื่อยุติสงครามกับรัสเซีย
มุมมองดังกล่าวขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับจุดยืนของรัฐบาลยูเครนและบรรดาชาติพันธมิตรตะวันตก ที่เชื่อว่า พวกเขามีหน้าที่ทางศีลธรรมที่จะต้องกำราบรัสเซียให้พ่ายแพ้สงครามอัน "ไม่ชอบธรรม" และเกิดขึ้นโดย "ปราศจากการยั่วยุ"
"มีบางเรื่องที่พระองค์ตัดสินด้วยมุมมองส่วนตัว ซึ่งน่าเสียดาย" อันดรี เบน อดีตทหารในกองทัพยูเครน เอ่ยถึงโป๊ปฟรานซิส
"ผมไม่ขอแสดงความเห็นแล้วกัน แต่หวังว่าพระสันตะปาปาองค์ใหม่จะทรงชาญฉลาด มีความรู้แจ้งเห็นจริง และดีกว่านี้"
โอเลห์ ยากีเมียก วัย 57 ปี ชาวคริสต์คาทอลิกอีกคนให้สัมภาษณ์ว่า โป๊ปได้ทรงกระทำสิ่งดีงามต่างๆ เอาไว้มากมายขณะที่ยังมีพระชนม์ชีพ
"เราเข้าใจว่าคุณงามความดีของท่านยิ่งใหญ่กว่าความเจ็บปวดที่ท่านได้กระทำต่อพวกเรา" เขากล่าว
ประชากรยูเครนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ แต่ก็มีชาวคริสต์คาทอลิกอยู่ราวๆ 10% ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ทางภาคตะวันตก เช่นที่เมืองลวิฟ
โซเฟีย เฟดีนา สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านของยูเครน ได้โพสต์ข้อความอาลัยโป๊ปฟรานซิสผ่านทางเทเลแกรม แต่ก็ไม่วายพาดพิงถึงพระดำรัสที่ทำให้คนยูเครนจำนวนไม่น้อยรู้สึกสงสัยว่าโป๊ปทรงสนับสนุนพวกเขาจริงหรือไม่
"ดิฉันเองไม่เห็นด้วยเท่าไหร่กับพระดำรัสในบางโอกาส เพราะเราไม่อาจยอมให้เหยื่อกับอาชญากรปรองดองกันได้ทั้งๆ ที่การก่ออาชญากรรมยังดำเนินอยู่ ดังนันดิฉันหวังว่าโป๊ปพระองค์ใหม่จะทรงยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม" เธอกล่าว
ตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือน ก.พ. ปี 2022 โป๊ปได้ตรัสประณามสงครามครั้งนี้ว่าเป็นการรุกรานที่ไร้ความชอบธรรม และยกย่องยูเครนว่าเป็นชนชาติผู้สละชีพ (martyred nation) นอกจากนี้ยังทรงเรียกร้องไปสู่การยุติสงครามในเกือบทุกๆ ครั้งที่ปรากฏพระองค์ต่อหน้าสาธารณชน
โป๊ปฟรานซิสยังทรงเคยเตือนผ่านทางโทรศัพท์ไปถึง “อัครบิดรคีริลล์” แห่งคริสตจักรออร์โธดอกซ์รัสเซียว่าอย่าทำตัวเป็นเสมือน “เด็กประจำแท่นบูชาของ (วลาดิมีร์) ปูติน” (Putin’s altar boy)
กระนั้นก็ตาม คนยูเครนจำนวนมากก็ยังคงผิดหวังที่โป๊ปไม่เคยประณาม วลาดิมีร์ ปูติน อย่างเปิดเผยว่าเป็นผู้รุกราน มิหนำซ้ำยังทรงกระพือความโกรธเคืองด้วยการอ้างถึง "จักรวรรดิรัสเซียอันยิ่งใหญ่" ที่สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิปิออตร์ที่ 1 และจักรพรรดินีนาถเยกาเจรีนาที่ 2 ซึ่งทรงได้รับการยกย่องบูชาในรัสเซีย ทว่าคนยูเครนถือว่าทรงเป็นผู้นำในการทำให้ยูเครนต้องตกเป็นข้า
พระบิชอปคาทอลิกชาวยูเครนหลายคนเคยกราบทูลโป๊ประหว่างการประชุมที่กรุงโรมว่า พระดำรัสเหล่านี้ "สร้างความเจ็บปวด" ให้กับพวกเขาอย่างมาก
รัสเซียอ้างว่าถูกบีบคั้นให้ต้องเปิด "ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร" ในยูเครน เนื่องจากความมั่นคงของรัสเซียถูกคุกคามโดยองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่สยายอิทธิพลรุกคืบเข้ามาประชิดดินแดนรัสเซียมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังต้องการต่อสู้เพื่อขจัดสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "ระบอบนาซีใหม่" ในกรุงเคียฟด้วย
ที่มา: รอยเตอร์