อินเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กดิบรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกประกาศใช้อัตราภาษีศุลกากรชั่วคราว 12% สำหรับเหล็กนำเข้าบางชนิด ซึ่งเป็นที่รับรู้ภายในประเทศว่าหมายถึงภาษีป้องกัน (safeguard duty) เพื่อสกัดการหลั่งไหลเข้าของเหล็กราคาถูกที่ส่วนใหญ่มาจากจีน
การนำเข้าเหล็กราคาถูกจากจีนที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ทำให้โรงหลอมเหล็กบางเจ้าของอินเดียต้องลดกำลังผลิตหรือปลดคนงานบางส่วน และนั่นทำให้อินเดียกลายเป็นหนึ่งในหลายๆ ชาติที่กำลังพิจารณาใช้มาตรการจำกัดการนำเข้าเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ
กระทรวงการคลังอินเดียระบุในเอกสารคำสั่งอย่างเป็นทางการว่า อัตราภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับเป็นเวลา 200 วันโดยเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 21 เม.ย. เป็นต้นไว้ "เสียแต่จะมีประกาศยกเลิก มีคำสั่งทดแทน หรือแก้ไขภายหลัง"
ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการปรับนโยบายการค้าครั้งใหญ่ครั้งแรกของนิวเดลี ตั้งแต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เริ่มประกาศรีดภาษีคู่ค้าหลายสิบประเทศในช่วงต้นเดือน เม.ย. จนจุดชนวนสงครามการค้าครั้งใหญ่กับจีน
อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดเกี่ยวกับเหล็กนำเข้าเกิดมานานก่อนหน้านั้นพอสมควร โดยอินเดียได้เริ่มต้นกระบวนการสอบสวนมาตั้งแต่ราวๆ เดือน ธ.ค. ปีที่ผ่านมา
เอช. ดี. กุมาราสวามี รัฐมนตรีกระทรวงเหล็กของอินเดีย ระบุในถ้อยแถลงว่า มาตรการนี้มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องผู้ผลิตเหล็กในประเทศจากผลกระทบของการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน
"มาตรการนี้จะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อผู้ผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการระดับ SMEs ที่กำลังเผชิญแรงกดดันสูงมากจากเหล็กนำเข้า" กุมาราสวามี กล่าว
การขึ้นภาษีเหล็กนำเข้าของอินเดียเห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้าไปที่ "จีน" ซึ่งถือเป็นผู้ส่งออกเหล็กมายังอินเดียรายใหญ่อันดับ 2 รองจากเกาหลีใต้ในช่วงปี 2024/25
"การตัดสินใจครั้งนี้เป็นสิ่งที่คาดการณ์กันอยู่แล้ว และเราจะรอดูว่ามาตรการนี้จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรม และจำกัดการนำเข้าเหล็กราคาถูกเข้ามาในประเทศได้มากน้อยแค่ไหน" ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผลิตเหล็กกล้าชั้นนำแห่งหนึ่งของอินเดียให้สัมภาษณ์ พร้อมกับย้ำว่า "ทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจากสินค้านำเข้าจีน ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม"
อินเดียเป็นชาติที่มีปริมาณการนำเข้าเหล็กขั้นปลาย (finished steel) มากกว่าส่งออก 2 ปีต่อเนื่องในปี 2024/25 โดยมีปริมาณการขนส่ง 9.5 ล้านเมตริกตัน ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบ 9 ปี ตามสถิติของรัฐบาล
ผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นนำของแดนภารตะ เช่น JSW Steel, Tata Steel, Steel Authority of India และ ArcelorMittal Nippon Steel India ต่างก็แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหล็กนำเข้าราคาถูก และเรียกร้องให้รัฐบาลต้องมีมาตรการควบคุม
ที่มา: รอยเตอร์