คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลับสู่ทำเนียบขาว โดยที่อเมริกันชนจำนวนมากแสดงให้เห็นถึงสัญญาณแห่งความวิตกกังวลเกี่ยวกับความพยายามของผู้นำรายนี้ในการขยายขอบเขตอำนาจประธานาธิบดี จากผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยรอยเตอร์/อิปซอส ที่เผยแพร่ในวันจันทร์(21เม.ย.)
ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสที่จัดทำเป็นเวลา 6 วันเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ พบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถามราว 42% เห็นชอบกับผลงานของทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดี ลดลงจากระดับ 47% ในช่วงไม่กี่ชั่วโมง หลังเขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
ทรัมป์ เริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่ง ด้วยการสร้างความตกตะลึงแก่บรรดาฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง จากการที่เขาลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารหลายสิบฉบับ ขยายอิทธิพลของตนเองเหนือหน่วยงานรัฐบาลและเหนือสถาบันเอกชนต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงมหาวิทยาลัยและบรรดาบริษัทกฎหมายทั้งหลาย
แม้ว่าคะแนนนิยมของทรัมป์ ยังคงสูงกว่าในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต แต่ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอส บ่งชี้ว่าอเมริกันชนจำนวนมากเริ่มไม่สบายใจกับความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ในการลงโทษมหาวิทยาลัยต่างๆที่เขามองว่าหัวเสรีเกินไป และแต่งตั้งตนเองเป็นประธานบอร์ดของศูนย์เคนเนดี โรงละครหลักและสถาบันวัฒนธรรมในวอชิงตัน
ผู้ตอบแบบสอบถามราว 83% จากทั้งหมด 4,306 คน บอกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯรายนี้ต้องเชื่อฟังคำพิพากษาของศาลกลาง แม้เขาไม่อยากทำเช่นนั้นก็ตาม
พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์เสี่ยงเจอข้อหาละเมิดอำนาจศาล จากการฝ่าฝืนคำสั่งของผู้พิพากษากลางรายหนึ่งที่สั่งให้ระงับการเนรเทศบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่กล่าวอ้างว่าเป็นสมาชิกแก๊งอาชญากรรมเวเนซุเอลา หลังคนกลุ่มนี้ถูกรัฐบาลทรัมป์ ขับไล่ออกนอกประเทศโดยไม่มีโอกาสยื่นคัดค้านใดๆ
ในบรรดาผู้ตอบแบบสอบถาม มีอยู่ 57% ในนั้น 1 ใน 3 เป็นชาวรีพับลิกัน ไม่เห็นด้วยกับถ้อยแถลงที่ว่า "พวกเขาโอเคกับการที่ประธานธิบดีสหรัฐฯจะระงับเงินทุนที่ป้อนแก่มหาวิทยาลัยต่างๆ หากว่าประธานาธิบดีไม่เห็นด้วยกับแนวทางการบริหารงานของมหาวิทยาลัยนั้นๆ"
ทรัมป์ อ้างว่ามหาวิทยาลัยต่างๆล้มเหลวในการต่อสู้กับการต่อต้านยิวในมหาวิทยาลัย และได้สั่งระงับงบประมาณรัฐบาลกลางมหาศาลที่จัดสรรแก่มหาวิทยาลัยต่างๆของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงเงินทุนกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ที่จัดสรรให้แก่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแต่เพียงแห่งเดียว
นอกจากนี้แล้วผู้ตอบแบบสอบถามในสัดส่วน 66% คิดว่าประธานาธิบดีไม่ควรควบคุมสถาบันวัฒนธรรมสำคัญต่างๆนานา อย่างเช่นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติและโรงละคร หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์ สั่งให้สถาบันสมิธโซเนียน ซึ่งเป็นสถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา และพิพิธภัณฑ์ ที่บริหารจัดการและได้รับทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯและจากผู้บริจาคต่างๆ รื้อถอนอุดมการณ์ที่ไม่เหมาะสม
ในประเด็นต่างๆนานา ไล่ตั้งแต่เงินเฟ้อ ผู้อพยพ การเก็บภาษีและหลักนิติรัฐ ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสพบว่ามีชาวอเมริกาที่ไม่พึงพอใจผลงานของทรัมป์ ในจำนวนมากกว่าผู้ที่พึงพอใจผลงานทรัมป์ ในทุๆประเด็น โดยแม้กระทั่งประเด็นผู้อพยพ ที่เขาได้รับการสนับสนุนเข้มแข็งที่สุด อเมริกันชนพึงพอใจผลงานของเขาในเรื่องนี้แค่เพียง 45% ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามที่ไม่พอใจผลงานของทรัมป์ ในประเด็นนี้ มีอยู่ 46%
ผู้ตอบแบบสอบถามราว 59% ในนั้น 1 ใน 3 เป็นชาวรีพับลิกัน มองว่าอเมริกากำลังสูญเสียความน่าเชื่อถือบนเวทีโลก
ผลสำรวจพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามราว 3 ใน 4 บอกว่า ทรัมป์ ไม่ควรลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสมัย 3 เส้นทางที่ ทรัมป์ เคยบอกว่าเขาอาจพยายามหาทาง แม้รัฐธรรมนูญสหรัฐฯสั่งห้ามก็ตาม ทั้งนี้ 53% หรือเสียงส่วนใหญ่ของผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นชาวรีพับลิกัน ก็มีความเห็นแบบเดียวกันว่า ทรัมป์ ไม่ควรลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯอีกสมัย
(ที่มา:รอยเตอร์)