xs
xsm
sm
md
lg

ปากแจ๋ว! พิธีกร TV มะกันเหยียด ‘มาเลเซีย’ ไม่มีเงินซื้อสินค้าจีน หลัง ‘สี จิ้นผิง’ ตระเวนเยือน 3 ชาติอาเซียนสู้สงครามภาษีสหรัฐฯ (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บิล โอ เรียลลี (Bill O’Reilly) พิธีกรรายการโทรทัศน์ชาวอเมริกันหัวขวาจัด ออกมาแสดงความคิดเห็นในทำนองเหยียดชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า “ไม่มีเงิน” ซื้อสินค้าจีน หลังประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ออกเดินสายเยือนเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา หวังกระชับสัมพันธ์สู้ศึกการค้ากับสหรัฐฯ

ในรายการ No Spin News ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา พิธีกรรายนี้ได้อัปเดตมาตรการรีดภาษีล่าสุดของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และกล่าวพาดพิงถึงประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ว่า:

“เฮ้! ประธานาธิบดี สี ผมจะอธิบายให้ฟังนะ คนพวกนั้นไม่มีเงิน โอเคไหม? พวกเขาช่วยคุณไม่ได้หรอก พวกเขาไม่ซื้อสินค้าจากคุณหรอก เพราะพวกเขาไม่มีเงิน” โอเรียลลี กล่าว

“คนมาเลเซียไม่ซื้อสินค้าคุณหรอก พวกเขาไม่มีเงิน”

โอเรียลลี ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ในการเยือนครั้งนี้ผู้นำจีนอาจ “กำลังพยายามแอบขนสินค้าจีน (เข้าสหรัฐฯ) ภายใต้ฉลากเวียดนาม” และเขาเชื่อว่าจีนจะ “ถังแตก” อย่างแน่นอนหากขายสินค้าให้สหรัฐฯ ไม่ได้ เพราะมีเพียงสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่มีพลังทางเศรษฐกิจมากพอที่จะรับซื้อสินค้าจากจีน

คำพูดของพิธีกรชาวอเมริกันรายนี้ทำเอานายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซียออกอาการฉุนขาด และประณาม โอเรียลลี ว่าเป็นพวก “ยโสโอหังและไร้เดียงสา”

เว็บไซต์ The Edge รายงานว่า นายกฯ อันวาร์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังร่วมพิธีฉลองเทศกาลตรุษอีดิลฟิตรีที่กระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ว่า “นี่คือการแสดงออกซึ่งความยโสโอหังอย่างร้ายกาจของคนบางคนที่ได้รับข้อมูลผิดๆ ไร้เดียงสา และเชื่อว่ามีแต่กลุ่มหรือชนชาติของตนเองเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จได้”

“ในทางรัฐศาสตร์ เราเรียกสิ่งนี้ว่าการติดกับดักทางความคิด (trapped mindset) เป็นการมองโลกด้วยวิสัยทัศน์ของนักล่าอาณานิคมที่กระพือความเกลียดชังคนต่างชาติ มีอคติทางเชื้อชาติ และเกลียดกลัวอิสลาม”

สี จิ้นผิง ออกเดินทางมาเยือน 3 ชาติในอาเซียนเพื่อโปรโมตภาพลักษณ์ของจีนว่าเป็นประเทศคู่ค้าที่เชื่อถือได้ ท่ามกลางผลประทบและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากนโยบายรีดภาษีของทรัมป์ โดยกัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย ถูกสหรัฐฯ สั่งรีดภาษีตอบโต้ในอัตรา 49%, 46% และ 24% ตามลำดับ

ที่มา: must share news


กำลังโหลดความคิดเห็น