เกาหลีใต้ตรวจพบความพยายามเพิ่มมาขึ้นในการปลอมแปลงผลิตภัณฑ์ต่างชาติ ส่วนใหญ่จากจีน สำหรับแอบอ้างเป็นสินค้าส่งออกของเกาหลีใต้ เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการรีดภาษีอย่างกว้างขวางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
สำนักงานศุลกากรแห่งชาติเกาหลีใต้ระบุในวันจันทร์(21เม.ย.) พวกเขาตรวจพบการกระทำผิดเกี่ยวกับแหล่งประเทศต้นทางของสินค้า มูลค่ากว่า 29,500 ล้านวอน(ราว 695 ล้านบาท) ในช่วงไตรมาสแรก โดยในนั้น 97% เป็นสินค้าที่มุ่งส่งออกไปยังสหรัฐฯ หลังจากได้ทำการตรวจสอบพิเศษเมื่อเดือนที่แล้ว
ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากตลอดทั้งปี 2024 พบการกระทำผิดเกี่ยวกับแหล่งประเทศต้นทางของสินค้า มูลมีค่าราว 34,800 ล้านวอน ในนั้น 62% เป็นสินค้าที่มุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ
นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ทรัมป์เปิดตัวมาตรการรีดภาษีครั้งใหญ่ กำหนดเล่นงานสินค้าต่างๆและประเทศต่างๆทั่วโลก ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่เดือนมีนาคม
พวกเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ระบุว่าพวกบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน อาจมีความพยายามเพิ่มมากขึ้นในการใช้เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของสหรัฐฯและมีข้อตกลงการค้าเสรีกับอเมริกา เป็นหนทางหลบหลีกมาตรการรีดภาษีและกฎเกณฑ์ต่างๆนานา
ทรัมป์ รีดภาษีสินค้านำเข้าจากเกาหลีใต้ 25% เมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนระงับบังคับใช้ในเวลาต่อมาเป็นเวลา 3 เดือน ขณะเดียวกันเวลานี้สหรัฐฯกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนถึง 145% หลังจากทั้ง 2 ฝ่ายปรับขึ้นเพดานภาษีตอบโต้กันไปมา ที่พวกนักเศรษฐกิจระบุถว่าเท่ากับเป็นการตัดขาดการค้าระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกไปโดยปริยาย
ในการตรวจพบในวันจันทร์(21เม.ย.) ในนั้นรวมถึงวัสดุแคโทดสําหรับแบตเตอรี ที่นำเข้ามาจากจีน แล้วส่งออกต่อไปยังสหรัฐฯ ภายใต้การแปะป้ายแบบปลอมๆ แอบอ้างว่าเกาหลีใต้เป็นแหล่งประเทศต้นทางของสินค้าดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการรีดภาษีที่สูงอยู่ก่อนแล้วในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นช่วงก่อนหน้าที่มาตรการรีดภาษีของทรัมป์จะมีผลบังคับใช้ด้วยซ้ำ
เมื่อเดือนมีนาคม มีการตรวจพบกล้องวงจรปิดคิดเป็นมูลค่า 19,300 ล้านวอน(453 ล้านบาท) ที่นำเข้าแยกเป็นชิ้นส่วนจากจีน แล้วนำมาประกอบในเกาหลีใต้ เพื่อหลบหลีกข้อจำกัดของสหรัฐฯที่กำหนดเล่นงานอุปกรณ์สื่อสารของจีน
การตรวจพบเหล่านี้ มีขึ้นหลังจากสำนักงานศุลกากรของเกาหลีใต้ จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจสำหรับป้องกันความพยายามส่งออกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำการวางแผนที่มาพร้อมกับมาตรการตอบสนองอย่างเจาะจง เพื่อปกป้องบริษัทต่างๆของเกาหลีใต้
(ที่มา:รอยเตอร์)