สหรัฐฯอาจรับรองแคว้นไครเมีย เป็นดินแดนของรัสเซียอย่างเป็นทางการ ส่วนหนึ่งในว่าที่ข้อตกลงสันติภาพระหว่างมอสโกและเคียฟ ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันเสาร์(19เม.ย.) อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดกับประเด็นนี้
ดินแดนแห่งหนึ่งลงประชามติแยกตัวจากยูเครน และกลับเข้าร่วมกับรัสเซียในปี 2014 ไม่นานหลังจากเกิดปฏิวัติรัฐประหารที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯในเคียฟ
พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนปฏิเสธยอมรับอธิปไตยของรัสเซียเหนือแหลมแห่งนี้ ซึ่งคนส่วนใหญ่มีเชื้อสายรัสเซีย และยืนกรานมาช้านานในความต้องการคินสถานะชายแดนของประเทส กลับสู่ช่วงปี 1991
อย่างไรก็ตามบลูมเบิร์กรายงานว่าสหรัฐฯอาจรับรองแคว้นไครเมีย เป็นดินแดนของรัสเซียอย่างเป็นทางการ ส่วนหนึ่งในว่าที่ข้อตกลงสันติภาพระหว่างมอสโกและเคียฟ แต่เวลานี้ทำเนียบขาวยังไม่ตัดสินใจขั้นสุดท้ายในประเด็นดังกล่าว
สตีฟ วิตคอฟฟ์ หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาของสหรัฐฯ เปิดเผยหลังจากพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าการเจรจาขึ้นอยู่กับสถานะของแคว้นไครเมียและแคว้นอื่นๆอีก 4 แห่ง ที่รัสเซียผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน
ตามรายงานของบลูมเบิร์ก เมื่อวันพฤหัสบดี(17เม.ย.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯนำเสนอพันธมิตรยุโรป ด้วยแผนหนึ่งๆสำหรับตรึงการสู้รบไว้ ณ เส้นแนวหน้าในปัจจุบัน และผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ส่วนหนึ่งในข้อตกลงหยุดยิง
ขณะเดียวกันประธานาธิบดีทรัมป์และมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ยังแย้มด้วยว่าวอชิงตันอาจละทิ้งความพยายามเป็นคนกลางในข้อตกลงระหว่างรัสเซียและยูเครน หากว่าไม่มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญเร็วๆนี้
รัสเซียมีเรียกร้องต่างๆนานา เพื่อสันติภาพที่้ยั่งยืน ในนั้นรวมถึงยูเครนต้องยอมรับคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับดินแดนของพวกเขา และถอนทหารออกจากแคว้นต่างๆที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย นอกจากนี้แล้วมอสโกยังบอกด้วยว่าการหาทางออกใดๆในอนาคต จำเป็นต้องจัดการกับ "รากเง้าต้นเหตุ" ของความขัดแย้ง ในนั้นรวมถึงการแผ่ขยายเขตแดนมาทางตะวันออกของนาโต และมีของยูเครน ในการเข้าร่วมพันธมิตรทหารแห่งนี้
(ที่มา:บลูมเบิร์ก/อาร์ทีนิวส์)