ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขัดขวางแผนการหนึ่งของอิสราเอล ในการโจมตีที่ตั้งนิวเคลียร์ของอิหร่าน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สในวันพุธ(16เม.ย.) ในขณะที่วอชิงตันกำลังพยายามบรรลุข้อตกลงควบคุมโครงการนอาวุธนิวเคลียร์ของเตหะราน
สหรัฐฯและอิหร่าน ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกันมานานกว่า 40 ปี กำลังเสาะหาข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับใหม่ หลังจากทรัมป์ ครั้งดำรงตำแหน่งสมัยแรก ในปี 2018 นำสหรัฐฯถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ประวัติศาสตร์ ที่อิหร่านทำไว้กับบรรดาชาติมหาอำนาจ
สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ และ อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน มีกำหนดพบปะกันในกรุงโรมในวันเสาร์(19เม.ย.) หนึ่งสัปดาห์หลังจากพวกเขาประชุมเจรจาต่อรองทางนิวเคลียร์อิหร่าน-สหรัฐฯ ระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ข้อตกลงปี 2015 พังครืนลง
ในเดือนมีนาคม ทรัมป์ ส่งหนังสือถึง อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เรียกร้องให้เจรจา แต่ก็เตือนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการใช้ปฏิบัติการทางทหาร หากล้มเหลวในการคลอดข้อตกลงหนึ่งๆ
พวกเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลทรัมป์ เปิดเผยกับนิวยอร์กไทม์ส ว่าอิสราเอลเสาะหาความช่วยเหลือจากวอชิงตัน ในการลงมือโจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่านในเดือนพฤษภาคม
รายงานของนิวยอร์กไทม์ส อ้างว่าแผนการดังกล่าวอยู่ภายใต้การพิจารณามานานหลายเดือนแล้ว แต่ระหว่างที่ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เดินทางมาเยือนทำเนียบขาวเมื่อสัปดาห์ก่อน ทาง ทรัมป์ ได้แจ้งกับฝ่ายอิสราเอล ว่าเขาจะไม่สนับสนุนการโจมตี
นอกจากนี้แล้ว ทรัมป์ ยังได้แถลงต่อสาธารณะเกี่ยวกับความประสงค์ที่จะเจรจาโดยตรงกับอิหร่านอีกด้วย
อิหร่าน ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้กำลังเสาะหาอาวุธนิวเคลียร์ แต่ขณะเดียวกันพวกเขาได้ยกระดับศักยภาพทางนิวเคลียร์มาตั้งแต่ที่ ทรัมป์ ฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015
ในรายงานล่าสุดของทบวงปรมาณูระหว่างประเทศ ได้เน้นย้ำถึง "ความกังวลใหญ่หลวง" ที่ อิหร่าน สามารถยกระดับการแปรรูปยูเรเนียมให้มีความบริสุทธิ์สูงถึง 60% ในปริมาณกว่า 274.8 กิโลกรัม ซึ่งมันถือเป็นระดับที่เกินกว่าเพดานที่กำหนดไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 เป็นอย่างมาก แต่ยังคงห่างไกลจากระดับ 90% ที่จำเป็นสำหรับหัวรบนิวเคลียร์
(ที่มา:เอเอฟพี)