สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับยาฮูไฟแนนซ์ เมื่อวันอังคาร(15เม.ย.) ยืนยันไม่ต้องกังวลว่าจีนจะใช้พันธบัตรเป็นอาวุธตอบโต้สหรัฐฯ แม้มีความผันผวนอย่างหนักในตลาด พร้อมย้ำว่าไม่มีความเสี่ยงที่จีนจะใช้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ถือครองอยู่มหาศาล มาซ้ำเติมปัญหาทางเศรษฐกิจของอเมริกา
"ถ้าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แตะระดับหนึ่ง หรือถ้าธนาคารกลางหรัฐฯ เชื่อว่ามีต่างชาติ ซึ่งผมไม่ขอเรียกว่าเป็นศัตรู แต่เป็นคู่แข่งต่างชาติ กำลังใช้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นอาวุธหรือพยายามบั่นทอนเสถียรภาพเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ผมมั่นใจว่าพวกเราจะทำบางอย่างร่วมกันเพื่อจัดการมัน แต่เรายังมองไม่เห็นว่ามันเป็นเช่นนั้น เรามีเครื่องไม้เครื่องใหญ่โตมากๆ" เบสเซนต์กล่าว
จีน คือต่างชาติที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก ญี่ปุ่น โดยถือครองอยู่เกือบ 761,000 ล้านดอลลาร์ ในเดือนมกราคม
"ถ้าพวกเขา(จีน) ขายพันธบัตร เมื่อนั้นพวกเขาก็จำเป็นต้องซื้อเงินหยวน และจะทำให้สกุลเงินของพวกเขาแข็งค่าขึ้น เท่ากับว่าพวกเขากำลังทำในสิ่งที่ให้ผลตรงกันข้าม" เบสเซนต์กล่าว พร้อมระบุว่ามันจะไม่ให้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ดีที่สุดแก่จีนจีน ถ้าเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมา
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 145% ส่วนหนึ่งในมาตรการรีดภาษีเพื่อตอบโต้ทางการค้าต่อคู่ค้าทั้งหมดของอเมริกา เรียกเสียงเย้ยหยันและเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากปักกิ่ง ซึ่งตอบโต้ด้วยการปรับเพิ่มเพดานภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 125%
จีนเรียกกลยุทธ์รีดภาษีของทรัมป์ ว่า "เป็นเรื่องตลก" ซึ่งมันก่อความขุ่นเคืองแก่เบสเซนต์ "มันไม่ใช่เรื่องตลก ผมหมายถึงเป็นตัวเลขในจำนวนมหาศาล" เขาบอกกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กก่อนหน้านี้ พร้อมระบุต่อว่าการเจรจาใดๆ ระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะมาจากใน "ระดับบน" เกี่ยวข้องกับ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
(ที่มา:รอยเตอร์)