รัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมยื่นข้อเสนอนำเข้านำเข้าน้ำมันดิบและก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นราว 10,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเจรจาขอลดภาษีกับวอชิงตัน ตามข้อมูลจาก บาห์ลีล ลาฮาดาเลีย รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานที่ให้สัมภาษณเมื่อวานนี้ (15 เม.ย.)
ทีมเจ้าหน้าที่แดนอิเหนาได้ออกเดินทางไปวอชิงตันเพื่อเจรจาต่อรองกับฝ่ายสหรัฐฯ แล้วเมื่อวานนี้ (15) หลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศอัตราภาษีตอบโต้อินโดนีเซียสูงถึง 32%
โดยรวมๆ แล้ว อินโดนีเซียมีแผนที่จะนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 18,000-19,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อลดยอดเกินดุลการค้า
บาห์ลีล กล่าวว่า กระทรวงพลังงานได้เสนอให้จาการ์ตาเพิ่มโควตาการนำเข้า LPG จากสหรัฐฯ รวมถึงรับซื้อน้ำมันดิบอเมริกาเพิ่มขึ้นเพื่อให้บรรลุซึ่งเป้าหมายนี้
อย่างไรก็ตาม นั่นหมายความว่าอินโดนีเซียจะต้องนำเข้า LPG จากแหล่งอื่นลดลงด้วย
ปุตรา อาดิกูนา ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการของสถาบันคลังสมอง Energy Shift Institute ชี้ว่าอินโดนีเซียอาจต้องเริ่มต้นจากการนำเข้า LPG จากแหล่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่สหรัฐฯ ลดลง 20-30% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสัญญา
ข้อมูลจาก Kpler พบว่า อินโดนีเซียนำเข้า LPG ประมาณ 217,000 บาร์เรลต่อวันในปีที่แล้ว โดยมาจากสหรัฐฯ 124,000 บาร์เรล รองลงมาได้แก่ กาตาร์ 23,000 บาร์เรล และที่เหลือนำเข้าจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบียประเทศละ 20,000 บาร์เรล
อินโดนีเซียยังมีการนำเข้าน้ำมันดิบราว 306,000 บาร์เรลต่อวันในปีที่ผ่านมา โดยมีไนจีเรีย ซาอุดีอาระเบีย และแองโกลาเป็นซัพพลายเออร์เจ้าใหญ่ และนำเข้าจากสหรัฐฯ เพียง 13,000 บาร์เรลต่อวัน
โฆษกรัฐวิสาหกิจน้ำมัน Pertamina ซึ่งเป็นผู้จำหน่าย LPG รายใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย ระบุว่า บริษัทกำลังทบทวนสัดส่วนการนำเข้า และรอฟังคำสั่งจากรัฐบาล
ที่มา: รอยเตอร์