(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
New wave of fighter jets transforming aerial combat
by David Bacci
01/04/2025
เครื่องบินขับไล่ในเจเนอเรชั่น รุ่นที่ 6 ซึ่งกำลังทยอยเผยโฉมออกมาเรื่อยๆ ล้วนแล้วแต่มีจุดมุ่งหมายที่จะรวบรวมเอาความก้าวหน้าล้ำยุคอย่างสำคัญในด้านต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งการออกแบบเครื่องบิน, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนเครื่องบิน, และระบบอาวุธ
เครื่องบินขับไล่รุ่นก้าวหน้าล้ำยุคที่สุดในโลกในปัจจุบัน เป็นที่รู้จักเรียกขานกันว่า “รุ่นที่ 5” หรือ “เจเนอเรชั่นที่ 5” (fifth generation) เครื่องบินเหล่านี้บรรจุไว้ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาในช่วงแรกๆ ของคริสต์ศตวรรษที่ 21 ตัวอย่างของเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 มีดังเช่น เอฟ-35 ไลต์นิ่ง 2 (F-35 Lightning II) [1] และ เอฟ-22 แรปเตอร์ (F-22 Raptor) [2] ของอเมริกา, เฉิงตู เจ-20 (Chengdu J-20) ของจีน, และ ซูคอย ซู-57 (Sukhoi SU-57) ของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ชาติต่างๆ กำลังมีการเคลื่อนไหวเดินหน้าไปสู่เครื่องบินรบเจเนอเรชั่นที่ 6 กันแล้ว ในระยะไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จีนได้นำเอาเครื่องบินต้นแบบของรุ่น เจ-36 และรุ่น เจ-50 [3] ขึ้นทดลองบิน เวลาเดียวกัน สหรัฐฯก็ได้คัดเลือกให้บริษทโบอิ้ง [4] ได้สัญญาสร้างเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ที่เรียกขานกันว่า รุ่น เอฟ-47
แบบเดียวกับในเจเนอเรชั่นก่อนๆ รุ่น 6 นี้จะเป็นการรวบรวมเอาความก้าวหน้าล้ำยุคสำคัญๆ ในด้านต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งการออกแบบเครื่องบิน, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนเครื่องบิน, และระบบอาวุธ
แต่ว่าเครื่องบินขับไล่เจเนอเรชั่นใหม่นี้จะมีความแตกต่างอย่างโดดเด่นออกมาจากรุ่นก่อนอย่างไรบ้างล่ะ? ไอพ่นที่กระทำภารกิจสู้รบเป็นหลักเหล่านี้ในรุ่นอนาคต จะไม่ได้มีอัตราความเร็วสูงสุด หรือความสามารถในการบินเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าตื่นตาตื่นใจอะไร ตรงกันข้าม นวัตกรรมที่แท้จริงจะอยู่ในเรื่องที่ว่าระบบใหม่ๆ เหล่านี้จะมีการทำงานกันเลิศล้ำอย่างไรได้บ้าง และจะสามารถบรรลุฐานะครองน่านฟ้าในการสู้รบทางอากาศได้อย่างไรมากกว่า
ทำนองเดียวกับเจเนอเรชั่นที่ 5 ในรุ่น 6 นี้เทคโนโลยีที่จะโดดเด่นจนมีฐานะเหนือกว่าอย่างอื่นๆ อย่างชัดเจน ยังคงเป็น เทคโนโลยีด้านการหลีกเร้นจากการตรวจจับของข้าศึก (stealth technology) [5] โดยที่หากพูดกันเป็นรูปธรรมแล้ว มันคือสิ่งที่ช่วยให้เครื่องบินขับไล่สามารถลดโอกาสในการถูกตรวจจับโดยตัวเซนเซอร์อินฟราเรด และเซนเซอร์เรดาร์ จนกระทั่งถึงจุดที่ว่าตอนที่สัญลักษณ์ประจำตัวของพวกมันถูกตรวจพบอย่างชัดเจนในท้ายที่สุด ฝ่ายข้าศึกก็ไม่มีเวลาพอที่จะทำอะไรได้เสียแล้ว
คุณสมบัติของการหลีกเร้น เป็นสิ่งที่บรรลุได้ด้วยการทำลำตัวอากาศยาน (airframe) ให้อยู่ในรูปทรงเฉพาะบางอย่าง (ตัวอย่างเช่นทำเป็นทรงเพชร diamond shapes) และการเคลือบผิวนอกของเครื่องบิน –ด้วยสิ่งที่เรียกกันว่าวัสดุดูดซับเรดาร์ (radar absorbing materials) ทั้งนี้ คำว่าลำตัวอากาศยาน หมายถึงกรอบโครงสร้างพื้นฐานของเครื่องบิน ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนลำตัว, ปีก, ส่วนหาง, และชุดฐานล้อของเครื่องบิน
รูปทรงที่เหมือนกับเหลี่ยมเพชร ซึ่งได้กลายเป็นลักษณะของไอพ่นรุ่นเจเนอเรชั่นที่ 5 ไปเรียบร้อยแล้วนั้น น่าที่จะยังคงอยู่ในเครื่องบินขับไล่รุ่นที่กำลังจะทยอยกันปรากฏโฉมออกมา ทว่ามันจะมีการค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปบางอย่างบางประการ
ลักษณะทั่วไปอย่างหนึ่งที่เราน่าจะได้เห็นกันก็คือ การลด หรือกระทั่งการถอดทิ้ง แพนหางดิ่ง (vertical tails) [6] ซึ่งอยู่ที่ด้านหลังของเครื่องบิน ตลอดจนพื้นที่ควบคุมของอุปกรณ์ตัวนี้ ในอากาศยานที่มีอยู่ปัจจุบันนั้น แพนหางดิ่งเหล่านี้ทำหน้าที่สร้างเสถียรภาพและการควบคุมทิศทางในการบิน เปิดทางให้เครื่องบินสามารถรักษาเส้นทางและการดำเนินกลยุทธ์ (maneuver)
อย่างไรก็ตาม ไอพ่นรุ่นที่ 6 สามารถบรรลุการควบคุมดังกล่าวนี้ได้ด้วยความช่วยเหลือของ ระบบทรัสต์ เวคเตอริ่ง (thrust vectoring) –นั่นคือความสามารถที่จะใช้ประโยชน์จากการควบคุมเครื่องยนต์ และด้วยเหตุนี้ จึงหมายถึงความสามารถในการควบคุมแรงขับดัน (thrust หมายถึงพลังที่ขับเคลื่อนอากาศยานไอพ่นให้พุ่งตัวไปในอากาศ)
บทบาทของแพนหางดิ่ง ยังสามารถแทนที่ได้เป็นบางส่วน ด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า ฟลูอิดิค แอคชูเอเตอร์ (fluidic actuator) อุปกรณ์นี้ส่งกำลังไปยังปีกเครื่องบิน ด้วยการเป่าลมความเร็วสูงและแรงดันสูงไปยังส่วนต่างๆ ของปีก
การถอดแพนหางดิ่งทิ้งไปเลยนั้น สามารถช่วยเพิ่มคุณสมบัติการหลีกเร้นของเครื่องบินขับไล่ นอกจากนั้นเรายังน่าจะได้เห็นไอพ่นสู้รบรุ่นเจเนอเรชั่นใหม่เหล่านี้ใช้วัสดุดูดซับเรดาร์อย่างใหม่ๆ ที่มีสมรรถนะก้าวหน้าล้ำยุคยิ่งขึ้นไปอีก
เราจะได้เห็นนำการนำสิ่งที่รู้จักกันในชื่อว่า เครื่องยนต์ อะแดปทีฟ ไซเคิล เอนจิน (adaptive cycle engines) [7] มาใช้กับเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 6 เครื่องยนต์พวกนี้จะมีคุณสมบัติที่เรียกกันว่า ทรี-สตรีม ดีไซน์ (three-stream design) ซึ่งหมายถึงการที่กระแสลมไหลผ่านเครื่องยนต์ได้ 3 ทาง ไอพ่นในปัจจุบันมีทิศทางที่กระแสลมไหลผ่านเครื่องยนต์อยู่เพียง 2 ทาง โดยทางหนึ่งได้แก่ไหลผ่านแกนกลางของเครื่องยนต์ และอีกทางหนึ่งคือไหลข้ามแกนกลางเครื่องยนต์
การพัฒนาช่องทางสำหรับให้กระแสลมไหลผ่านเครื่องยนต์เป็นทางที่ 3 ขึ้นมา ทำให้มีช่องทางกระแสลมผ่านพิเศษ 1 ช่องทาง ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงของเครื่องยนต์และในการทำงานของเครื่องยนต์ นี่จะเปิดทางให้สามารถใช้สมรรถนะในการเคลื่อนตัวไปตามปกติได้อย่างทรงประสิทธิภาพขณะใช้อัตราความเร็วเหนือเสียง (supersonic speed) และทั้งให้สามารถใช้แรงขับดันสูงในระหว่างเวลาทำการสู้รบ
มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ จีน และสหรัฐฯจะสร้างเครื่องบินขับไล่รุ่นเจเนอเรชั่นที่ 6 เป็น 2 แบบแตกต่างกันออกไป โดยแต่ละแบบต่างมีโครงสร้างลำตัวที่ไม่เหมือนกัน แบบหนึ่งนั้นจะมีโครงสร้างลำตัวขนาดใหญ่กว่า ออกแบบมาเพื่อใช้ในพื้นที่อย่างเช่นภูมิภาคมหาสมุทรแปซิฟิก ในพื้นที่เช่นนี้ ความสามารถในการบินได้ไกลขึ้นและสามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากขึ้นจะกลายเป็นกุญแจสำคัญ สืบเนื่องจากต้องนำปัจจัยเรื่องลักษณะภูมิประเทศซึ่งอยู่ห่างไกลเข้ามาพิจารณา ด้วยเหตุนี้โครงสร้างลำตัวอากาศยานที่ออกแบบให้ใช้งานในภูมิภาคนี้จะต้องมีขนาดใหญ่กว่า
สำหรับเครื่องบินขับไล่อีกแบบหนึ่งซึ่งจะมีโครงสร้างลำตัวขนาดเล็กกว่านั้น จะถูกออกแบบมาสำหรับใช้ในพื้นที่อย่างเช่นยุโรป ซึ่งคุณสมบัติเรื่องความคล่องตัวและความสามารถในการดำเนินกลยุทธ์ จะกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากกว่า
ไอพ่นสู้รบรุ่นต่อไป ยังจะต้องมีระบบหนึ่งในห้องนักบิน ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลข่าวสารจำนวนมากทั้งที่มาจากเครื่องบินลำอื่นๆ, สถานีตรวจการณ์ภาคพื้นดิน, และดาวเทียม จากนั้นระบบที่ว่านี้จะทำหน้าที่บูรณาการข้อมูลเหล่านี้แก่นักบิน เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้ถึงสถานการณ์อย่างมีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น ระบบนี้ยังสามารถจะทำหน้าที่รบกวนตัวเซนเซอร์ของฝ่ายข้าศึกอย่างเอาการเอางานได้อีกด้วย
คุณสมบัติสำคัญอีกประการหนึ่ง ได้แก่ การมีอากาศยานสู้รบไร้คนบังคับควบคุม (unmanned combat aerial vehicles หรือ Ucavs) [8] ซึ่งก็คือโดรนทางอากาศประเภทหนึ่ง ติดตั้งประจำอยู่ในเครื่องบิน เครื่องบินขับไล่หลักที่มีนักบินประจำอยู่ จะสามารถบังคับควบคุมพวกโดรน Ucavs เหล่านี้ที่ปล่อยออกไป เพื่อให้ทำหน้าที่ต่างๆ กันหลายหลาก ตั้งแต่การเป็นนักบินประจำเครื่องลูกฝูงผู้ซื่อสัตย์ภักดี ไปจนถึงการเป็นเครื่องบินขับไล่ไร้นักบินซึ่งมีราคาถูกลงมาที่คอยช่วยเหลือการปฏิบัติภารกิจนั้นๆ รวมไปถึงการคอยคุ้มครองป้องกันเครื่อบินขับไล่ลำหลักที่มีนักบินประจำอยู่
สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะเป็นความรับผิดชอบของอะไรบางอย่างที่ถูกเรียกชื่อว่า ระบบห้องนักบินดิจิตอลระดับก้าวหน้าล้ำยุค (advanced digital cockpit) โดยเป็นระบบซึ่งขับดันด้วยซอฟต์แวร์ และมีระบบเสมือนจริง (virtual reality) อยู่ด้วย มันจะเปิดทางให้นักบินสามารถกลายเป็นผู้บริหารจัดการสมรภูมิคนหนึ่งได้อย่างทรงประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence หรือ AI) จะเป็นคุณสมบัติสำคัญที่สุดประการหนึ่งของพวกระบบที่คอยสนับสนุนโดรน นี่จะเป็นการเปิดทางให้ระบบเหล่านี้ถูกควบคุมในแบบซึ่งมีอิสระอย่างสมบูรณ์เต็มที่ นักบินจะเป็นผู้มอบหมายภารกิจหลัก – เป็นต้นว่า “โจมตีเครื่องบินขับศึกลำนั้นในเวคเตอร์นั้น” –แล้วระบบก็จะกระทำภารกิจดังกล่าวโดยไม่ต้องใส่อินพุตใดๆ เพิ่มเติมเข้าไปอีก
ความก้าวหน้าล้ำยุคอีกด้านหนึ่ง จะเป็นเรื่องของพวกระบบอาวุธ โดยที่จะมีการปรับปรุงดัดแปลงขีปนาวุธให้ไม่เพียงแค่สามารถเดินทางไปด้วยอัตราความเร็วระดับไฮเปอร์โซนิก (hypersonic เร็วกว่าความเร็วของเสียง 5 เท่าตัวขึ้นไป) เท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติของการหลีกเร้นการตรวจจับของเรดาร์อีกด้วย
เรื่องนี้จะยิ่งลดระยะเวลาสำหรับที่กองกำลังข้าศึกจะสามารถมีปฏิกิริยาตอบโต้ ในอีกด้านหนึ่งพวกระบบอาวุธที่ใช้พลังงานตรง (directed energy weapons systems) อย่างเช่น อาวุธเลเซอร์ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะปรากฏตัวขึ้นในการพัฒนาเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 6 ในช่วงหลังๆ เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย
ในโครงการเครื่องบินขับไล่รุ่นเจเนอเรชั่นที่ 6 ของอเมริกานั้น ทางกองทัพเรือสหรัฐฯยังกำลังทำงานอยู่กับโครงการเครื่องบินอีกแบบหนึ่งที่แยกต่างหากออกไป ซึ่งใช้ชื่อเรียกกันว่า แบบ F/A-XX [9] เป็นการเพิ่มเติมจาก เอฟ-47
ขณะที่ สหราชอาณาจักร, อิตาลี, และญี่ปุ่น ก็กำลังทำงานอยู่กับโครงการเครื่องบินขับไล่อีกโครงการหนึ่งซึ่งรู้จักกันในชื่อว่า โปรแกรมการสู้รบทางอากาศระดับโลก (global combat air program หรือ GCAP) [10] เครื่องบินแบบนี้จะมาแทนที่ ยูโรไฟเตอร์ ไทฟุน (Eurofighter Typhoon) ในเวลาเข้าประจำการกัองทัพสหราชอาณาจักรและอิตาลี และใช้ชื่อว่า มิตซูบิชิ เอฟ-2 (Mitsubishi F-2) เมื่อเข้าประจำการกองกำลังฝ่ายญี่ปุ่น
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเยอรมนี, สเปน, และฝรั่งเศส ซึ่งกำลังทำงานร่วมกันอยู่ในโปรแกรมเครื่องบินขับไล่ที่เรียกชื่อกันว่า ระบบการสู้รบทางอากาศอนาคต (future combat air system หรือ FCAS) [11] เครื่องบินใหม่นี้น่าจะเข้ามาแทนที่ เครื่องบินขับไล่ ไทฟุน (Typhoon) ซึ่งเวลานี้ประจำการอยู่ในกองทัพเยอรมนีและกองทัพสเปน และเครื่องบินขับไล่ ราฟาล (Rafale) ของกองทัพฝรั่งเศส
เส้นทางสำหรับเครื่องบินขับไล่รุ่นเจเนอเรชั่นที่ 6 ดูเหมือนกับได้รับการแผ้วถางกรุยแนวทางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว กระนั้นก็ยังคงมีความไม่แน่ไม่นอนอยู่หลายๆ ประการ เป็นต้นว่า คุณสมบัติที่ระบุเอาไว้ข้างต้นนี้ บางสิ่งบางอย่างยังไม่ได้ผ่านการศึกษาว่าคุ้มค่าแก่การลงทุนหรือไม่ รวมทั้งระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการวิจัยพัฒนายังคงไม่มีความชัดเจน
ในคราวเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 นั้น ช่วงระยะเวลาในขั้นตอนการวิจัยพัฒนาเช่นนี้ครอบคลุมเวลามากกว่า 10 ปี แล้วรุ่นที่ 6 นี่ก็กำลังทำท่าจะมีความสลับซับซ้อนมากกว่าด้วยซ้ำทั้งในเรื่องของข้อกำหนดต่างๆ และในเรื่องของสมรรถนะ
เครื่องบินขับไล่เจเนอเรชั่นใหม่นั้น เป็นที่คาดหมายกันว่าควรจะสามารถออกปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มตัว เป็นเวลายาวนานสัก 30 ปี ทว่าสงครามที่เกิดขึ้นในทั่วโลกได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีการวิวัฒนาการที่รวดเร็วยิ่ง มันไม่มีความชัดเจนเลยว่าข้อกำหนดเรียกร้องด้านการออกแบบต่างๆ ที่เรากำลังพยายามแก้ไขให้ตกไปในทุกวันนี้นั้น มันจะยังคงเหมาะสมใช้การได้อยู่หรือไม่ ในช่วงหลายๆ ปีต่อจากนี้ไป
เดวิด บาคชี เป็นนักวิจัยอาวุโส อยู่ที่ห้องปฏิบัติการเทอร์โมฟลูอิดส์ ออกซ์ฟอร์ด (Oxford Thermofluids Laboratory) มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สหราชอาณาจักร
เดวิด บาคชี มีความเกี่ยวข้องผูกพันกับ แครนฟิลด์ การป้องกันและความมั่นคง (Cranfield Defence & Security) แห่งมหาวิทยาลัยแครนฟิลด์ (Cranfield University) ในฐานะเป็นนักวิจัยอาคันตุกะ (Visiting Research Fellow)
ข้อเขียนนี้มาจากเว็บไซต์ เดอะ คอนเวอร์เซชั่น https://theconversation.com/ โดยสามารถติดตามอ่านข้อเขียนดั้งเดิมชิ้นนี้ได้ที่ https://theconversation.com/how-a-new-wave-of-fighter-jets-could-transform-aerial-combat-252949
เชิงอรรถ
[1] https://www.lockheedmartin.com/en-us/products/f-35.html
[2] https://www.lockheedmartin.com/en-us/products/f-22.html
[3] https://www.flightglobal.com/fixed-wing/chinas-new-sixth-generation-aircraft-likely-for-air-superiority-role-usaf/162057.article
[4] https://www.theguardian.com/us-news/2025/mar/21/trump-boeing-fighter-jet-contract
[5]https://www.sciencedirect.com/topics/engineering/stealth-aircraft
[6] https://en.wikipedia.org/wiki/Vertical_stabilizer
[7] https://en.wikipedia.org/wiki/Variable_cycle_engine
[8]https://en.wikipedia.org/wiki/Unmanned_combat_aerial_vehicle
[9] https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/boeing-northrop-grumman-await-us-navy-next-generation-fighter-contract-this-week-2025-03-25/
[10] https://commonslibrary.parliament.uk/research-briefings/cbp-10143/
[11] https://www.airbus.com/en/products-services/defence/future-combat-air-system-fcas