ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เตือนในวันอาทิตย์(13เม.ย.) จะไม่มีประเทศไหนรอดพ้นจากมาตรการรีดภาษี แม้ระงับไว้เป็นการชั่วคราว 90 วัน และข้อยกเว้นที่ถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ให้จีนจะมีเวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้น
ตลาดหุ้นโลกหกคะเมนตีลังกามาตั้งแต่ ทรัมป์ ประกาศรีดภาษีเมื่อวันที่ 2 เมษายน โดยเบื้องต้นดิ่งลงหนัก ก่อนฟื้นตัวบางส่วนจากกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระงับอัตราสูงสุดเป็นเวลา 90 วัน ในสัปดาห์ที่แล้ว
เวลานี้ประเทศต่างๆเกือบทั้งหมดต้องเชผิญกับเพดานภาษีพื้นฐาน 10% สำหรับช่วงเวลาดังกล่าว ยกเว้น จีน ที่ยกระดับตอบโต้ทางภาษีแบบต่อต่อตาฟันต่อฟัน
การตอบโต้กันไปมา พบเห็นสหรัฐฯรีดภาษีสินค้านำจากจีนเพิ่มเป็น 145% ส่วนปักกิ่งกำหนดเพดานภาษี 125% กับสินค้านำเข้าจากอเมริกา
รัฐบาลทรัมป์ บอกว่าพวกเขามีความตั้งใจเจรจาข้อตกลงการค้ากับนานาประเทศ ในนั้นรวมถึงจีน แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าประธานาธิบดีรายนี้มีเงื่อนไขใดบ้างสำหรับตอบรับข้อตกลง
ทรัมป์ พูดมาช้านานว่าตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯเป็นผลลัพธ์จากแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่ยุติธรรม ที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตามมาตรการรีดภาษีที่เขาเล่นงานชาติต่างๆนั้น รวมไปถึงบรรดาประเทศที่อเมริกาเกินดุลการค้าด้วย
"ไม่มีใครหลุดรอดไปได้ จากสมดุลการค้าที่ไม่ยุติธรรม และมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี ที่ประเทศอื่นๆใช้เล่นงานเรา ไม่เฉพาะกับจีน ที่ปฏิบัติกับเราอย่างเลวร้ายที่สุด" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง
นอกเหนือจากระงับรีดภาษีประเทศอื่นๆแล้ว ทรัมป์ในวันศุกร์(11เม.ย.) แถลงยกเว้นเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม เซมิคอนดัคเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตโดยจีน ท่ามกลางเสียงเตือนว่าพวกผู้บริโภคอเมริกาอาจต้องเผชิญกับราคาสินค้าที่พุ่งขึ้น ในนั้นรวมถึงสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป
อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์(13เม.ย.) ทรัมป์ อ้างว่าไม่มีข้อยกเว้นรีดภาษีสำหรับผลิตภัณฑ์เหล่านั้น เนื่องจากสินค้าดังกล่าวอยู่ในมาตรการรีดภาษีอีกอันที่เรียกเก็บในอัตรา 20%
กระทรวงพาณิชย์ของจีนบอกว่าความเคลื่อนไหวในวันศุกร์(11เม.ย.) เป็นเพียงก้าวย่างเล็กๆและยืนยันว่ารัฐบาลทรัมป์ควรยกเลิกยุทธศาสตร์รีดภาษีทั้งมวลโดยสิ้นเชิง
ทำเนียบขาวเผยว่าทรัมป์ยังคงมองในแง่บวกในการได้มาซึ่งข้อตกลงกับจีน แม้พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน คาดหมายว่าปักกิ่งจะเป็นฝ่ายติดต่อมาหาก่อน
ผลลัพธ์จากมาตรการรีดภาษีของทรัมป์ และการกลับลำนโยบายอย่างฉับพลันในเวลาต่อมา ได้ก่อคลื่นความช็อคไปทั่วเศรษฐกิจอเมริกา นักลงทุนเทขายพันธบัตรรัฐบาล ดอลลาร์ดิ่งลงหนักและความเชื่อมั่นผู้บริโภคดำดิ่ง
บรรดามหาเศรษฐกิจในวอลล์สตรีท ในนั้นรวมถึงบรรดาผู้สนับสนุนของทรัมป์เอง ได้ถาโถมแรงกดดันเข้าใส่ประธานาธิบดีรายนี้ โดยได้วิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์อย่างเปิดเผย ว่ายุทธศาสตร์รีดภาษีของเขากำลังก่อความเสียหายและไม่สร้างสรรค์
อย่างไรก็ตามทำเนียบขาวเน้นย้ำว่านโยบายเชิงก้าวร้าวนี้กำลังผลิดอกออกผล อ้างว่าหลายสิบประเทศได้เปิดการเจนจาการค้าแล้ว เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อตกลง ก่อนการระงับ 90 วันจะสิ้นสุดลง
(ที่มา:เอเอฟพี)