ไทยโดนเมิน!'สี จิ้นผิง'เริ่มทัวร์อาเซียนระดมกำลังสู้สหรัฐฯรีดภาษี แต่ไม่มาเยือนกรุงเทพฯ

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จะเริ่มต้นทัวร์ 3 ชาติในอาเซียน เป็นเวลา 5 วัน ในวันจันทร์(14เม.ย.) ในขณะที่ปักกิ่งกำลังหาทางกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับภูมิภาค และชดเชยผลกระทบจากสงครามรีดภาษีครั้งใหญ่ที่ปลดปล่อยออกมาโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ

หลิน เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน เปิดเผยว่า สี จะเดินทางเยือนเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา ในการเดินทางเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกในปีนี้ "ท่านจะพบปะกับผู้นำของ 3 ชาติอาเซียน ระหว่างการทัวร์ที่มีความสำคัญกับทั่วภูมิภาคในวงกว้าง"

ในการรับมือกับมาตรการรีดภาษีสูงลิ่ว จีนหาทางนำเสนอตนเองในฐานะทางเลือกอื่นที่มีเสถียรภาพ แทนที่วอชิงตันผู้เอาแน่เอานอนไม่ได้ พยายามระดมประเทศต่างๆที่หวาดผวากับพายุเศรษฐกิจโลก ในขณะที่มาตรการรีดภาษีอย่างกว้างขวางของ ทรัมป์ ที่แถลงออกมาเมื่อช่วงต้นเดือน ก่อแรงสั่นสะเทือนแก่ตลาดโลก แม้ต่อมาผู้นำสหรัฐฯได้กลับลำมาตรการดังกล่าวเป็นส่วนใหญ่

หวัง เหวินเทา รัฐมนตรีพาณิชย์ของจีน เตือนก่อนหน้านี้ในวันศุกร์(11เม.ย.) ว่ามาตรการรีดภาษีจะก่อความเจ็บปวดร้ายแรงแก่บรรดาชาติกำลังพัฒนา ระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(อาเซียน) คือผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดสำหรับสินค้าส่งออกของจีนเมื่อปีที่แล้ว อ้างอิงข้อมูลจากองค์การศุลกากรของจีน โดยอาเซียนนำเข้าสินค้าจีน คิดเป็นมูลค่ากว่า 586,500 ล้านดอลลาร์

เวียดนาม คือชาติอาเซียนที่ซื้อสินค้าจีนมากที่สุดที่ 161,900 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย มาเลเซีย นำเข้าสินค้าจากจีน 101,500 ล้านดอลลาร์ในปี 2024

ทั้งนี้ เวียดนาม ซึ่งเป็นฐานการผลิตสำคัญ กำลังเร่งหาทางชะลอเพดานภาษี 46% ที่ ทรัมป์ กำหนดเล่นงานประเทศแห่งนี้ในเบื้องต้น ก่อนที่ผู้นำสหรัฐฯจะระงับรีดภาษีเกือบทุกชาติเป็นการชั่วคราว 90 วัน ยกเว้นจีน โดยในส่วนของปักกิ่งนั้น ทรัมป์ ปรับขึ้นเพดานภาษีอย่างครอบคลุม สู่ระดับ 145%

Huong Le Thu รองผู้อำนวยการองค์กรระหว่างประเทศด้านการเฝ้าระวังวิกฤติการณ์โลก The International Crisis Group (ICG) โครงการเอเชีย ระบุว่าแม้ระงับบังคับใช้ชั่วคราว แต่มาตรการรีดภาษีได้ก่อความกังวลใหญ่หลวงต่อบรรดาชาติกำลังพัฒนาในเอเชีย "มาตรการรีดภาษี หากบังคับใช้จริงๆนอกเหนือจากจีน มันจะให้เศรษฐกิจทั้งหลายไม่มีทางเลือกอื่นๆ ยกเว้นแต่ล่องลอยออกห่างจากสหรัฐฯเพิ่มเติม" เธอกล่าว

สี จะอยู่ในเวียดนามในวันจันทร์(14เม.ย.) และวันอังคาร(15เม.ย.) ถือเป็นครั้งแรกที่เขาเดินทางเยือนประเทศแห่งนี้นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023

เวียดนามใช้แนวทางการทูตแบบไผ่ลู่ลมมาช้านาน มุ่งมั่นในความสัมพันธ์อันดีกับทั้งจีนและสหรัฐฯ พวกเขาแสดงความกังวลร่วมกับสหรัฐฯเกี่ยวกับการยกระดับคำกล่าวอ้างสิทธิ์ของจีนในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ แต่ก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางเศรษฐกิจกับปักกิ่งเช่นกัน

จากนั้น สี จะเดินทางเยือนมาเลเซีย ตั้งแต่วันอังคาร(15เม.ย.) จนถึงวันพฤหัสบดี(15เม.ย.) ทั้งนี้ ฟาห์มี ฟัดซิล รัฐมนตรีคมนาคมของมาเซีย บอกว่าการมาเยือนของ สี "เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของรัฐบาล ที่ต้องการเห็นความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีขึ้นกับประเทศต่างๆ ในนั้นรวมถึงจีน"

ต่อจากนั้น สี จะเดินทางไปยังกัมพูชาในวันพฤหัสบดี(15เม.ย.) หนึ่งในพันธมิตรตัวยงของจีน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดินแดนที่ปักกิ่งแผ่ขยายอิทธิพลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา "ความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและจีนไม่เปลี่ยนแปลง และเราจะเดินหน้าทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น" ฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวเมื่อเร็วๆนี้ ในพิธีเปิดถนนสายหนึ่งที่ได้รับทุนจากจีน

เขาบอกว่าการเดินทางเยือนของสี จะเป็นการยืนยันความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่าง 2 ชาติ และเรียกจีนว่าเป็น "คู่หูสำคัญ" ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของกัมพูชา

ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับบรรดาชาติเพื่อนบ้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังอาจช่วยชดเชยผลกระทบจากมาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯ ผู้นำเข้าสินค้าจีนรายใหญ่ที่สุดเมื่อปีที่แล้ว หากนับเป็นรายประเทศ "ปักกิ่งต้องการใช้ช่วงเวลานี้ แสดงถึงจุดยืนของพวกเขาในการต่อต้านการบีบบังคับและการเห็นแต่ผลประโยชน์ของตนเองของสหรัฐฯ" Le Thu กล่าว

(ที่มา:เอเอฟพี)